กรมควบคุมโรค จับมือกับตำรวจพัฒนาศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายควบคุมเหล้า
กรมควบคุมโรคร่วมกับตำรวจภูธร ภาค 2 และตำรวจภูธร ภาค 7 รวม 16 จังหวัด จัดการอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เพื่อให้การใช้บังคับกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เน้นการทำงานตามตัวอย่างที่ออกตรวจจับในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมา ตรวจจับ ปรับจริง และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกราย โดยมีพลตำรวจตรีนิวัฒน์ รัตนธรรมวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 เป็นประธานเปิด ณ โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี ประเทศไทยมีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นอันดับ 3 ของทวีปเอเชีย โดยมีปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวน 13.49 ลิตร/คน/ปี ผู้ดื่มวัยรุ่นนิยมดื่มสุราชนิดใหม่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับการดื่มสุรามีจำนวนสูงขึ้น และผลกระทบที่เห็นได้อย่างเด่นชัด คือ การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งนำความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงสุขภาพด้วย และเพื่อลดปัญหาดังกล่าว ประเทศไทยได้มีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายมาใช้บังคับเพื่อควบคุมผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ผู้บริโภค รวมทั้งผู้โฆษณาและประชาสัมพันธ์ และได้มีการกำหนดอายุในการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ซึ่งได้กำหนดอายุห้ามไว้สูงกว่ากฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายสถานบริการและลดจำนวนผู้บริโภค ซึ่งพบว่าในปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นชาย ซึ่งมีอายุน้องกว่า 20 ปี มีระดับความเสี่ยงในขั้นที่เสี่ยงมาก และจากผลการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งสาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายขาดความเข้าใจ และมั่นใจในการดำเนินงานดังกล่าว นายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดำเนินการอบรม ระหว่างวันที่ 13 – 14 มิถุนายน 2555 ณ โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับความรู้ ความสามารถด้านกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แนวทางการดำเนินการตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและการทำบันทึกคำให้การ และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมสามารถดำเนินการตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย พนักงานสอบสวน และข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร โดยได้รับการคัดเลือกจากผู้บังคับบัญชาในสังกัดตำรวจภูธร ภาค 2 รวม 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง และจังหวัดสระแก้ว สังกัดตำรวจภูธร ภาค 7 รวม 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี นครปฐม เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และจังหวัดสุพรรณบุรี และยังรวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด มาร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติงาน และหาแนวทางการดำเนินงานที่ถูกต้องร่วมกัน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายต่อไป พลตำรวจตรีนิวัฒน์ รัตนธรรมวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 กล่าวว่า การเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ว่า พระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อช่วยลดปัญหาและผลกระทบทั้งปัญหาสังคม เศรษฐกิจและครอบครัว รวมถึงอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งร้อยละ 70 เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการกำหนดมาตรการต่างๆ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น มาตรการกำหนดสถานที่หรือบริเวณในการห้ามจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรการกำหนดลักษณะและวิธีการที่ต้องห้ามในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมาตรการในการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่าด้วยรูปแบบและวิธีการแสดงข้อความ คำเตือนประกอบกภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือภาพสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2553 ที่ออกตามความในกฎกระทรวง นอกจากนี้ ยังมีมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ได้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการเปรียบเทียบปรับ เพื่อให้ขั้นตอนการดำเนินคดีเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ซึ่งทางกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการกำหนดประเภทและอัตราการหักเงินค่าปรับก่อนนำส่ง ให้บรรดาเงินค่าปรับจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติฯ สามารถหักเงินค่าปรับดังกล่าวไว้เป็นเงินสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีได้ ซึ่งปัจจุบันได้มีการออกระเบียบกรมควบคุมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การจ่ายเงินสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และ พ.ศ.2555 เนื่องจากการดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย ทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจกฎหมายที่ถูกต้อง ชัดเจนอีกด้วย ปริญญา/ข่าว/ภาพ |