พรรคเพื่อไทยได้จัดสัมมนาในหัวข้อ "เพื่อไทย เพื่อประชาธิปไตย เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย" โดยมีแกนนำพรรค รัฐมน ตรีของพรรค และส.ส.พรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

     เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้ (28 ก.ค.55)  ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี พรรคเพื่อไทยได้จัดสัมมนาในหัวข้อ "เพื่อไทย เพื่อประชาธิปไตย เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย" โดยมีแกนนำพรรค รัฐมน ตรีของพรรค และส.ส.พรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายก รัฐมนตรี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการผู้อำนวยการพรรค และนายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งนี้ บรรยากาศการสัมมนาในช่วงเช้า  นาย ยงยุทธฯ เป็นผู้กล่าวเปิดงานสัมมนา ก่อนที่จะมีการเสวนาในหัวข้อ "1 ปีรัฐบาลเพื่อไทย : ผลสำเร็จและความพึงพอใจ" โดย ร.ต.อ.เฉลิม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

     ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าร่วมในพิธี พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ก้าวต่อไป...รัฐบาลเพื่อไทย : มุ่งมั่น ตั้งใจ รับใช้ประชาชน"  โดยได้กล่าวว่าตนเองมี 2 บทบาท คือ เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเป็นนายกรัฐมนตรี ดูแลประชาชน ซึ่งมีทั้งความภูมิใจและทำอย่างไรที่จะประครองส่วนรวม เพราะหลายครั้งรัฐบาลถูกมองว่า ตัดสินใจช้า หรือถอย แต่ตนขอยืนยันว่าจุดยืนของเราไม่ถอย แต่สิ่งที่ช้า ดูเหมือนถอยนั้น เป็นไปเพื่อลดความขัดแย้ง ต้องการการมีส่วนร่วมและประชาธิปไตยอย่างแท้จริง  จึงยึดหลักความสมดุลในการทำงานการเมืองเพราะเรามีหลายบทบาทแม้แต่ ส.ส. ก็มีหลายบทบาท เราจะทำอย่างไรให้ดีที่สุด รักษาจุดยืนที่ให้สัญญากับประชาชน ต้องดำรงอยู่ แต่เราต้องลดบรรยากาศความขัดแย้งและประสานความเข้าใจ พร้อมได้กล่าวย้ำถึงจุดยืนว่า ไม่ถอยแต่ลดความขัดแย้ง เร่งเดินหน้าทำความเข้าใจ ประชาชน โดยสิ่งที่เป็นเป้าหมายของพรรคและรัฐบาลตรงกัน ต้องทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า แต่เราต้องช่วยกันคิดวิธีการ อยากเห็นประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้กฎหมาย ซึ่งเปรียบเหมือนการสร้างบ้านใหม่ด้วยกัน ประครองความเข้าใจ ต้องตั้งเป้าหมาย ความเป็นประชาธิปไตย ความเข้าใจกัน ให้เกิดการปรองดอง ซึ่ง รัฐบาลทำฝ่ายเดียวไม่สำเร็จ ต้อง ส.ส. และ ประชาชนร่วมมือด้วย ตนเองเป็น ส.ส. คนหนึ่ง ต้องดูแลความทุกข์สุขประชาชน แม้จะทำงานบริหารก็ต้องลงพื้นที่ดูแลประชาชน พวกเราต้องทำให้สภาเป็นกลไกประชาธิปไตยทำงานร่วมกันอย่างแข็งแรง การเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะไว้ใจให้เราทำงานต่อ ซึ่งการจะทำงานร่วมกัน ต้องมุ่งมั่นทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน สร้างสมดุล ลดความขัดแย้ง สร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วมเพื่อก้าวไปด้วยกัน

     พร้อมกับกล่าวถึงการเริ่มเข้ารับตำแหน่งครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ส.ค. ปีที่ผ่านมา เจอภาวะ อุทก ภัยน้ำท่วมต้องรับมือลงพื้นที่ก่อนแถลงรัฐสภา เป็นภาวะพูดไม่ออก เพราะมวลน้ำท่วมไม่รู้จะระบายไปไหน นี่คือสิ่งที่เจอในวันแรก สิ่งที่เจอในวันที่ 2 คือ โครงสร้างต่างๆ ประตูระบายน้ำ ไม่ได้มีความพร้อมรับมหาอุทกภัย เครื่องสูบน้ำก็ใช้ไม่ได้ทุกเครื่องอย่างเช่น ที่นนทบุรี มีเป็นร้อยเครื่องแต่เห็นใช้ ได้เพียง 2 เครื่อง เพราะติดปัญหาการบริหาร รวมทั้งคูคลองต่างๆ มีสิ่งกีดขวางไม่สามารถระบายน้ำได้อย่างเต็มที่ 
     ส่วนสาเหตุที่ทำไมการทำงานจึงไม่เป็นเอกภาพเพราะข้อเท็จจริงขณะนั้นยังไม่มีการเชื่อมข้อมูลน้ำและการพยากรณ์อากาศ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับน้ำถึง 12หน่วย งาน อย่างไรก็ตาม การฟันฝ่าอุปสรรคสามารถผ่านไปได้ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ต้องขอ ขอบคุณสมาชิกทุกคน และทุกภาคส่วนที่ร่วมกันทำงาน รัฐบาลหรือตนเองเพียงคนเดียวไทม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้ ซึ่งทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือของ สส.และพี่น้องประชาชน จึงจะสามารถทำงานให้สำเร็จลงได้ และภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีเว็บไซต์ ที่มีข้อมูลทางเทคนิค และการจัดระบบซิงเกิลคอมมานด์ สังเกตการณ์ระดับน้ำด้วยกล้องวงจรปิด ในการเตรียมรับมือการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอีกด้วย

     น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ  กล่าวด้วยว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออกต้องกระตุ้นเศรษฐกิจภาย ในประเทศ พยายามไม่พึ่งพาเศรษฐกิจโลกทำอย่างไรจะลดค่าใช้จ่าย ประชาชน ดังนั้น หลายนโยบายจะลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาส ให้แก่ประชาชน 3 สิ่งนี้ จะทำควบคู่เพื่อตอบโจทย์ เศรษฐกิจในประเทศ การเคารพในเสียงประชาชน เดินภายใต้กรอบนิติรัฐ การมีเสรี ภาพ จะมีผลต่อเศรษฐกิจ เพราะต่างชาติ จะมั่นใจในการลงทุน ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ได้รับการตอบรับจากต่างประเทศ เพราะเราได้รับการยอมรับจากประชาชน
     ส่วนหลักของการสร้างความสมานฉันท์ในการลดความขัดแย้ง เราต้องใช้หลักของความสมดุลย์ และการสร้างความเข้าใจเพื่อไปหาคำตอบที่จะทำอย่างไรให้ประเทศเกิดความสามัคคีปองดอง สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ซึ่งต้องอาศัยความสมดุลนี่แหละที่จะทำให้สามารถลดความขัดแย้งได้ และ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องในสภาที่จะต้องดำเนินการกันต่อไป
     และในวันนี้ได้มีการเปิดตัว นาย รังสรรค์ มณีรัตน์ น้องชาย นาย สถาพร มณีรัตน์   สส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 จ.ลำพูน ที่เสียชีวิตด้วยโรคไต เพื่อลงชิงชัยเป็น สส.ลำพูนเขต 2 แทนพี่ชายที่เสียชีวิตในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย 

 อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล /นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 081-3455203/087-5871068