อธิบดีกรม สบส. กระทรวงสาธารณสุข เตรียมส่งธุรกิจสปา นวดไทยบริการสุขภาพของไทย สู่การเป็นผู้นำระดับโลก
เมื่อวันที่ 7 ก.ย.55 นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้เป็นประธานประชุมวิชาการอนาคต กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กับภารกิจการพัฒนาธุรกิจบริการสุขภาพของไทย สู่การเป็นผู้นำระดับโลก ณ. ห้องประชุมโรงแรมจอมเทียม ปาล์ม บีช พัทยา เมืองพัทยา อ.บางละมุง จว.ชลบุรี โดยมีข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ในกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 300 คนจากทั่งทุกภาคของประเทศเข้าร่วมสัมมนาวิชาการ
นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวถึงภารกิจหลักๆของ สบส. เมื่อเริ่มก่อตั้งเป็นกรมในระยะเริ่มแรก ว่าสบส. มีหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพ ดูแลงานด้านการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา ควบคุม กำกับดูแลระบบบริการสุขภาพ ให้สถานบริการสุขภาพมีคุณภาพตามมาตรฐาน เช่น การออกแบบสถานีอนามัย/โรงพยาบาลของภาครัฐ การกำหนดมาตรฐานด้านอาคารสถานที่ของสถานบริการสุขภาพ การดูแลเรื่องระบบการสื่อสาร การดูแลเพื่อบำรุงรักษาเครื่องมือแพทย์ รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ สถานพยาบาล และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สบส.จะเป็นผู้ออกใบอนุญาต ต่อใบอนุญาต ตรวจสอบมาตรฐานสถานบริการสุขภาพตามพระราชบัญญัติ 2 ฉบับคือ 1) พ.ร.บ.สถานพยาบาล และ 2) พ.ร.บ.การประกอบอาชีพเวชกรรม โดยมีแผนและนโยบายดำเนินการใน 4 มาตรการ คือ 1. มาตรฐานด้านการให้บริการ 2. การปรับเปลี่ยนสุขภาพของประชาชน 3. บทบาทของ อสม. 4. การพัฒนาและวิจัยเพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งสบส. จะเน้นนโยบายในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนหรือผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสถานที่ที่ไปใช้บริการมีคุณภาพตามมาตรฐานและมีความปลอดภัย ส่วนงานในอนาคตในอีก 3 ปี ข้างหน้าหรือประมาณปี พ.ศ. 2558 นายแพทย์สมชัย กล่าวว่าเพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC (Asean Economic Community) รัฐบาลได้ประกาศเป็นนโยบายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ เมดิคัล ฮับ (Medical Hub) และเป็นจุดหมายปลายทางของการดูแลสุขภาพ เพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านสุขภาพระดับโลก ด้วยเหตุผลที่ว่าบริการสุขภาพเป็นธุรกิจสาขาหนึ่งที่มีศักยภาพและเป็นจุดแข็งของไทย ในปี 2555 นี้ บริการสุขภาพของไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ มีชาวต่างชาตินิยมเข้ามาใช้บริการสุขภาพในประเทศไทยมากถึง2.5 ล้านคน สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้ถึง 121,658 ล้านบาท ด้วยปัจจัยทางค่ารักษาที่มีถูกกว่า มีความพร้อมทั้งบุคลากร เทคโนโลยีและคุณภาพบริการทั้งการแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทย และมีบรรยากาศในการให้บริการที่ดี คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มเป็น 800,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเป็น Medical Hub ของประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ โดยมุ่งเน้นพัฒนาและผลักดันให้เกิดผลผลิตหลักที่ได้มาตรฐานใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. บริการการรักษาพยาบาล 2. บริการการส่งเสริมสุขภาพ 3. บริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และ 4. ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพรไทยให้ได้มาตรฐาน จีเอ็มพี (GMP) พร้อมทั้งเร่งรัดให้มีการพัฒนาและยกระดับระบบสารสนเทศทางด้านสุขภาพให้ทันสมัย เพื่อการสืบค้นข้อมูลด้านบริการสุขภาพให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้ไทยมีการพัฒนาศูนย์รักษาพยาบาลระดับเชี่ยวชาญ (Excellent Center) ครอบคลุมทุกภูมิภาค ให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพใกล้บ้าน และสนับสนุนการบริการเฉพาะทางให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เช่น การรักษาโรคหัวใจ การผ่าตัดศัลยกรรม บริการด้านความงาม ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนของไทยถึง 22 แห่งที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเจซีไอ (JCI ) มาตรฐานที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ที่มีการให้บริการทำวีซ่าในโรงพยาบาลด้วย ซึ่งจัดว่ามากเป็นอันดับ1 ในเอเชีย นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวปิดท้ายว่า นอกจากนี้ยังมีธุรกิจสปาและบริการนวดไทยเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้ถึงปีละ 12,813 ล้านบาท โดยสบส. จะเข้าไปสนับสนุน พัฒนาผู้ประกอบการให้ดำเนินกิจการอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสปาไทย และกำลังดำเนินการผลักดัน พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและสปา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำกฤษฎีกา หาก พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ สถานบริการเพื่อสุขภาพทุกแห่ง โดยเฉพาะที่ใช้คำว่า “สปา หรือ นวดไทย” ก็จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจากสบส. เท่านั้น โดยผู้ประกอบการและผู้ทำการนวดต้องได้รับอนุญาตจาก สบส. ตามกฎหมายฉบับนี้ด้วย “สบส. ยังมีแนวคิดในการจัดตั้งสมาคมสปาไทยในต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ในการประสานงานระหว่างสปาไทยในต่างประเทศกับทาง สบส. เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและหาแนวทางในการทำให้เกิดเป็นสปาไทยแท้ๆ โดยไม่ให้มีการขายบริการทางเพศแอบแฝง หรือมีชาวต่างชาติมาแอบอ้างเปิดโดยใช้ชื่อสปาไทยเป็นจุดขาย ด้วยความโดดเด่นของธุรกิจบริการสุขภาพของไทยและการมีจุดแข็งในหลายๆด้าน ทำให้ไทยได้เปรียบประเทศอื่นๆมาก ส่งผลให้ได้รับความสนใจจากต่างประเทศที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านธุรกิจสุขภาพร่วมกับประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านสุขภาพระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ” อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล /นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 081-3455203/087-5871068
|