ราชนาวีไทย เสร็จภาร กระชับสัมพันธ์ เวียดนาม บ๊าย...บาย โฮจิมินห์
หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ทัพเรือ ทัพบก กงสุลใหญ่ ในเวียดนามทำพิธีส่ง กำลังพล กว่า 100 นาย ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเขตชายทะเล 4 จังหวัดสื่อมวลชน และเรือหลวงปัตตานี ออกจากท่าเทียบเรือโฮจิมินห์ หมดภารกิจใหญ่ กระชับสัมพันธ์ทัพเรือไทย กับ ทัพเรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตรงวัตถุประสงค์ จากกรณีที่ รัฐบาลได้อนุมัติให้ กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จัดกำลังพล และเรือหลวงปัตตานี ซึ่งมี นาวาโท สาทิพ จิตนาวา ผู้บังคับการเรือหลวงปัตตานี เดินทางไปเยี่ยมกองทัพเรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมี พลเรือตรี วรศักดิ์ จันหนู รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นผู้บังคับหน่วยเรือเดินทาง โดยมี นาวาเอก มนตรี สุวรรณชัย รองผู้บังคับหน่วยเรือ นาวาเอก อานนท์ ดาระสวัสดิ์ เสนาธิการ หน่วยเรือเดินทางไปเยี่ยมเมืองท่าโฮจิมินห์ซิตี้ ตั้งอยู่บริเวณ แลตติจูด ๑๐ องศา ๔๖ ลิปดา เหนือ ลองติจูด ๑๐๖ องศา ๔๓ ลิปดา ตะวันออก โดยได้ออกเดินทางจากท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มาตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2552 เวลา 16.00 นาฬิกา ซึ่ง พลเรือโท ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ประธานทำพิธีส่งกำลังพล สำหรับความคืบหน้าในเรื่องนี้ วันที่ 21 มิถุนายน 2552 ณ ท่าเทียบเรือโฮจิมินห์ซิตี้ ได้มี ผู้แทนกองทัพเรือ กองทัพบก กงสุลใหญ่ สถานทูต ผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำกรุงฮานอย ได้เกียรติมาทำพิธีส่งกำลังพล และเรือเดินทางกลับประเทศไทย โดยได้มอบช่อดอกไม้ให้กับ พลเรือตรี วรศักดิ์ จันหนู ผู้บังคับหน่วยเรือเดินทาง นาวาโท สาทิพ จิตนาวา ผู้บังคับการ เรือหลวงปัตตานี พร้อมกับได้แสดงความยินดีที่กองทัพเรือไทยได้ให้เกียรติประเทศเวียดนามอย่างมาก การมาเยือนแต่ละครั้งนับว่าได้ประโยชน์สูงสุด ล้วนแล้วมีแต่เรื่องดี ๆ ที่ ทั้ง 2 ประเทศควรจดจำเอาไว้ ในเรื่องของความเข้าใจ เอื้ออาทร ความร่วมมือ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเรือหลวงปัตตานีจะต้องใช้เวลาเดินทางออกจากร่องน้ำแม่น้ำไซ่ง่อน ทุ่นไฟปากช่อง สถานีนำร่องวุงเตา(Pilot Station Port) ฝ่าคลื่น ลมในทะเล กว่าจะถึงอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้ใช้เวลาเดินทางจากสัตหีบ ต้องใช้เวลานานถึง 42 ชั่วโมง พลเรือตรี วรศักดิ์ จันหนู เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ภาครัฐ เอกชน ผู้ว่าการนครโฮจิมินห์ หรือประธานคณะกรรมการประชาชน ได้ให้ความสนใจในเรื่องของกการโปรแกรมท่องเที่ยวทางทะเล โดยเริ่มจากเมืองพัทยา ล่องเรือมาที่เกาะช้าง เกาะกงประเทศกัมพูชา และเข้ามายังเมืองโฮจิมินห์ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกในทุกด้าน เพราะเชื่อกันว่าการท่องเที่ยวไม่ตายไปจากโลกนี้อย่างแน่นอน ส่วนปัญหาอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องของเรือประมงรุกน่านน้ำซึ่งกันและกันนั้น เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะเรือประมงที่เดินทางเข้าไปหาปลาในทะเลติดต่อย่อมทราบกันดีแล้วว่าบุกรุกน่านน้ำซึ่งกันและกันหรือไม่ เพราะในขณะนี้สังคมนิยมเวียดนามได้มีการตรวจจับเรือประมงที่กระทำความผิดมากขึ้น พลเรือตรี วรศักดิ์ จันหนู กล่าวว่า ปีนี้มีผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นผู้มาสังเกตการณ์ และเก็บรายละเอียดกลับไปปรึกษาหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดการให้การสนับสนุน และพัฒนาการท่องเที่ยวทางทะเลให้เกิดประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม เพราะการท่องเที่ยวจะไม่มีหนทางตันอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าสถานการณ์โลกจะเปลี่ยนไปก็ยังเชื่อกันว่า การท่องเที่ยวยังเป็นหัวใจในการทำรายได้เข้าในแต่ละประเทศ นิราช ทิพย์ศรี ภาพ / ข่าว |