Home
|
วอนรัฐพิจารณาการขึ้นค่าแรง กระตุ้นสถาบันการเงินลดความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ |
|
นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ วอนรัฐบาลช่วยรับฟัง และดูผลกระทบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท พร้อมกันในปี 2556 และวอนรัฐบาลให้กระตุ้นสถาบันการเงินของรัฐให้ลดความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
นางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้เลี้ยงไก่ครบวงจรเพื่อการส่งออก ได้เปิดเผยถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยจะได้รับจากโครงการประชานิยมของรัฐบาลชุดนี้ที่หวังฐานคะแนนเสียงโดยไม่คำนึงผลกระทบที่ผู้ประกอบการและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะได้รับโดยเฉพาะการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ในทุกจังหวัดในปี 2556 ว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs จะได้รับคือต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นประมาณ 80-90% จากต้นทุนแรงงาน ราคาน้ำมัน และค่า FT ที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากผู้ประกอบการมีฐานการเงินที่สั้น จะไม่สามารถแบกรับกับต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นได้ ขณะที่การส่งออกของประเทศในหลายภาคส่วนก็ไม่มีการขยายตัว ผลที่ตามมาคือการปลดคนงาน และบางแห่งอาจถึงขึ้นต้องปิดกิจการ และในปี 2556 ประเทศไทยจะมีการประท้วงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากผู้ประกอบการและรัฐบาล เห็นได้จากเดือนเมษายนที่ผ่านมาทางบริษัทในเครือฉวีวรรณ กรุ๊ป เสียค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟ ค่าแรงงาน และน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ก็แพง ซึ่งต้นทุนการผลิตของฉวีวรรณ กรุ๊ป ในเดือนเมษายน 2555 พุ่งสูงถึง 50 ล้านบาท และขยับเป็น 60-70 ล้านบาท ในเดือนต่อมา ผลกระทบนี้ทางสถาบันการเงินของรัฐก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือในเรื่องการปล่อยสินเชื่อ ในทางกลับกันกลับเข้มงวดกับผู้ประกอบการจนแทบจะอยู่ไม่ได้ เหตุการณ์ในลักษณะนี้หากรัฐบาลยังไม่เร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและเจรจากับสถาบันการเงินของรัฐเรื่องการปล่อยสินเชื่อ เศรษฐกิจของไทยมีปัญหาแน่ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่จะมีการปิดตัวมากขึ้นในปีหน้า นางฉวีวรรณ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในหลายประเทศทั่วโลกหากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจรัฐบาลจะเร่งหาแหล่งเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการโดยจะไม่ใช้โครงการประชานิยมโดยไม่จำเป็น ซึ่งที่ผ่านมา สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เคยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งหาทางแก้ไขและดำเนินการผ่านทางสื่อมวลชนหลายแขนง แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้รับการใส่ใจจากรัฐบาล และสถาบันการเงินของรัฐก็ยังคงเข้มงวดเรื่องมาตรการสินเชื่อกับผู้ประกอบการ ในตอนนี้เราอยากเห็นรัฐบาลในคือการดำเนินงานอย่างจริงจังของกระทรวงการคลังในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินของรัฐและวิสาหกิจต่างๆ ที่จะต้องหามาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างจริงจังเพื่อให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจผ่อนคลาย เพราะปัจจุบันปัญหาที่ผู้ประกอบการแบกรับคือ วงเงินทุนหมุนเวียนที่มีอยู่เท่าเดิม แต่ต้นทุนการผลิตกลับเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีกำหนดจนไม่สามารถไปถึงจุดคุ้มทุนได้และหากยังเป็นเช่นนี้ ผู้ประกอบการ SMEs จะทยอยปิดตัวเพราะสู้ค่าแรงไม่ไหวอย่างแน่นอน |
|
|
Date
จันทร์, 06 พฤษภาคม 2024
|