กำหนดกรอบอุตสาหกรรมสีเขียว |
|
“ชาญชัย” สัมมนาวางกรอบอุตสาหกรรมสีเขียว-ดึงรถยนต์ระบบ Hybrid เป็นทางเลือกประหยัดพลังงาน
วันนี้ (26 มิ.ย.52) ที่ห้องประชุมโรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในการปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “อุตสาหกรรมสีเขียว เพิ่มขีดแข่งขันเศรษฐกิจไทย” ภายใต้โครงการ Thailand : Green Move…Green Energy ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของโตโยต้าและหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจที่จัดขึ้นตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการต่างๆ รวมถึงตัวแทนชุมชนต่างๆ ในเขตเมืองพัทยาและจังหวัดภาคตะวันออกเข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง นายชาญชัย กล่าวว่า สถานการณ์ที่เศรษฐกิจไทยต้องผูกติดอยู่กับราคาน้ำมัน จนส่งผลกระทบรุนแรงต่อการเติบโตเศรษฐกิจ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้หลุดพ้นจากการพึ่งพิงน้ำมัน ด้วยการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี และการทำธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานของพลังงานสะอาด พร้อมรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่าด้วยแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียวด้วยอุตสากรรมสีเขียว ซึ่งภาครัฐจะให้การส่งเสริมการนำเอาพลังงานทดแทนมาปรับใช้ในช่วงวิกฤตพลังงานของโลกปัจจุบันทั้งในเรื่องของการพัฒนาไบโอดีเซล แก๊สธรรมชาติ และระบบพลังงานทดแทนอื่นๆ ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต้องให้ความสำคัญเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม และให้พื้นที่เป็นสีเขียวปราศจากมลพิษเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างคน สร้างงาน สร้างเงิน สร้างความสุข ซึ่งสอดคล้องกับกรอบนโยบาย “3 เดือนแรกเห็นหน้า 6 เดือนหน้าเห็นผล” ที่ภาครัฐจะเร่งดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยหวังให้โรงงานอุตสาหกรรมทุกโรงเข้าโครงการเป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม นอกจานี้ยังมีการพัฒนาโรงงานแถบลุ่มแม่น้ำไทยรวม 750 กว่าโรงงานให้มีการใส่ใจเรื่องน้ำด้วยเช่นกัน ด้านนายวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยว่า ภายในงานได้มีการแนะนำยนตรกรรมใหม่จากโตโยต้า ซึ่งนำเอา Toyota Camry Hybrid นับเป็นรายแรกของประเทศที่นำเอาระบบดังกล่าวมาใช้ในสภานการณ์วิกฤตด้านพลังงานของโลก ซึ่งระบบ Hybrid นั้นเป็นระบบที่ควบคุมและผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ด้วยกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการขับ ขี่ซึ่งเป็นการประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างมากสำหรับการใช้ถนนในขณะนี้ ทั้งนี้ สำหรับการเปิดตลาดรถยนต์ระบบดังกล่าวและรุ่นดังกล่าวจะดำเนินการในเร็วๆ นี้ โดยตั้งเป้าทางการตลาดไว้ที่ 1,000 คันต่อเดือน ตั้งแต่ปลายเดือนนี้จนถึงปี 2553 ซึ่งอาจมีการปรับขึ้นลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมา Toyota Camry ระบบธรรมดามียอดจำหน่ายเฉลี่ยเดือนละ 1,500 คัน ซึ่งระบบ Hybrid นี้จะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ชื่นชอบการขับขี่แบบประหยัด ซึ่งเฉลี่ยราคาแล้วระบบ Hybrid จะมีราคาสูงกว่าระบบธรรมดาอยู่ไม่เกิน 1 แสนบาทเท่านั้น ซึ่งอนาคตคาดว่าคงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ โตโยต้ายังไม่มีแผนการพัฒนาระบบนี้ในรุ่นอื่นๆ |