หนุ่มนิรนามขี่ จยย. เสียหลักพลิกคว่ำกลางถนนถูกรถเทรลเลอร์ขับมาตามหลังเหยียบทับร่าง แล้วลากมาพร้อมรถ จยย. กว่า 100 เมตร ดับอนาถ

     พ.ต.ท.อนันต์ กลมทุกสิ่ง สารวัตรเวร สทล.เขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้ง รถเทรนเลอร์ชนท้ายรถ จยย. และเหยียบร่างลากไปพร้อมกับรถ เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบนสาย 7 ตอน 3 บริเวณสะพานต่างระดับแหลมฉบัง ฝั่งขาเข้านิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ม.7 ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา

     ในที่เกิดเหตุพบศพชายนิรนาม อายุประมาณ 35 ปี สวมเสื้อยืดสีดำ เสื้อคลุมสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าผ้าใบ คอนเวิร์ส สีดำ และคันเบ็ตตกปลาตกอยู่ที่เกิดเหตุ สภาพศพร่างเละ ใบหน้าแตก สมองไหลเต็มพื้น และจากการตรวจสอบตามร่างกายแล้วไม่พบหลักฐานเอกสารแต่อย่างใด ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พบรถเทรลเลอร์ ยี่ห้อฮีโน่ หัวสีขาว หมายเลขทะเบียนส่วนหัว 71-3962 สมุทรปราการ และส่วนห่าง 71-3963 สมุทรปราการ สภาพกันชนพังเล็กน้อย และใต้ท้องรถพบ จยย . ยี่ห้อซูซูกิ สแมช สีม่วงดำ หมายเลขทะเบียน กพพ-180 เลย สภาพรถพังยับเยิน โดยมีโชว์เฟอร์ขับรถเทรลเลอร์ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

     จากการสอบสวน นายธนัท ถวิลการ อายุ 34 ปี คนขับรถเทรลเลอร์ของบริษัท เอส.ที.ดี.แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนได้ขับรถเทรลเลอร์มาส่งของที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โดยได้ขับมาตามเส้นทางได้มีรถ จยย. ของผู้ตายขี่มาด้วยความเร็ว และเกิดเสียหลักพลิกคว่ำชนกับฟุตบาท ทำให้ตนที่ขับมาด้วยความเร็วไม่สามารถเบรกได้ทัน จึงเป็นเหตุให้รถของตนเหยียบร่างของผู้ตายพร้อมกับลากรถ จยย. ห่างจากที่เกิดเหตุไปประมาณ 100 เมตร จึงจะจอด ได้ ตนจึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

     จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่าผู้ตายน่าจะรีบไปตกปลาที่ก้นอ่าวแหลมฉบัง เนื่องจากมีคันเบ็ตตกอยู่ที่เกิดเหตุ แต่ขับรถ จยย. มาด้วยความเร็วและเกิดเสียหลักทำให้รถพลิกคว่ำล้มอยู่กลางถนน และรถเทรลเลอร์ที่ขับตามหลังมาเบรคไม่ทันเหยียบซ้ำ และเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบศพให้หน่วยกู้ภัยนำส่ง รพ.แหลมฉบัง เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรอีกครั้ง และเนื่องจากผู้ตายไม่มีเอกสารว่าเป็นใครมาจากไหน จึงให้เร่งติดตามญาติให้มารับศพ พร้อมกับควบคุมตัว นายธนัท โชว์เฟอร์ ไปทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป