ผู้ว่าชลบุรีรุดเยี่ยมนักท่องเที่ยวเกาหลีที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เรือสปีดโบ๊ตชนกัน พร้อมมอบเงินเยียวยาเบื้องต้น เผยเมียเฒ่ากิมจิที่ขาขาดถึงกับร่ำไห้ตัดพ้อว่าสาเหตุที่สามีเสียขาเพราะความช่วยเหลือล่าช้า

     กรณีเรือสปีดโบ๊ตชื่อ “ส.เข็มทอง” ชนกับเรือ “ก.น้องใหม่ 7” ที่ขนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มาเต็มลำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ในจำนวนนี้มีสาหัสที่สุด 2 คนคือนายจีหวา ฮอง อายุ 64 ปี ซึ่งต้องเสียขาข้างซ้ายจนกลายเป็นคนพิการ กับนายเมียง แบ คิม อายุ 51 ปี ที่อยู่ในสภาพขาทั้ง 2 ข้างเกือบขาด เหตุเกิดบริเวณชายหาดตาแหวน แขวงเกาะล้าน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเช้าของวานนี้ (21 เม.ย.) ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
     ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 เม.ย.56 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา นายคมสัน เอกชัย ผวจ.ชลบุรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พ.ต.อ.ประพจน์ โชติคุณ ผกก.กก.2 บก.ทท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สาขาพัทยา และคณะผู้บริหารเมืองพัทยา เดินทางเข้าเยี่ยมอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองรายที่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ พร้อมกับมอบกระเช้าดอกไม้และเงินจากกองทุนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจำนวน 40,000 บาท เป็นการเยียวยาในเบื้องต้นและกล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
     จากการตรวจสอบอาการของ นายจีหวา ฮอง พบว่าได้ฟื้นคืนสติแล้วและนอนอยู่บนเตียงในสภาพขาข้างซ้ายตั้งแต่หัวเข่าลงไปถูกตัดออก ขาข้างขวาถูกดามเหล็กเนื่องจากกระดูกแตก ส่วนสภาพจิตใจมีอาการดีขึ้นถือว่าอยู่ในขั้นปลอดภัย แต่ในระหว่างนั้นภรรยาของ นายจีหวา ฮอง ที่นั่งอยู่บนรถเข็นใกล้ๆกัน ได้ร่ำไห้ฟูมฟายพร้อมทั้งกล่าวตัดพ้อว่าเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือล่าช้า ไม่อย่างนั้นสามีคงไม่เสียขาข้างซ้ายจนต้องกลายเป็นคนพิการ
     นพ.ปรีดา พุฒศิรยากร ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เปิดเผยว่า ทาง รพ.กรุงเทพพัทยา ได้รับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้มารักษาทั้งหมด 5 ราย แต่มีอยู่ 2 รายที่บาดเจ็บสาหัส คือนายจีหวา ฮอง ที่จำเป็นต้องตัดขาข้างซ้ายทิ้งเพื่อรักษาชีวิต เนื่องจากเส้นเลือดใหญ่ขาด ทำให้เสียเลือดมาก ส่วนนายเมียง แบ คิม พบว่าขาทั้งสองข้างมีบาดแผลฉกรรจ์ แต่ก็ยังสามารถประสานเซลและเชื่อมต่อกระดูกได้ เบื้องต้นทั้งสองคนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องพักรักษาและดูอาการไปอีกระยะหนึ่ง
     ด้าน นายคมสัน เอกชัย ผวจ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามสอบถามข้อมูลและติดตามความคืบหน้าโดยตลอด ก่อนนำคณะเข้าเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจคนเจ็บและครอบครัว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงแต่ก็คงต้องดำเนินการในเรื่องมาตรการป้องกันการเดินเรือทางทะเล โดยได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบมาตรฐานทุกอย่าง ทั้งเรื่องของการประชุมร่วมผู้ประกอบการ มาตรฐานของเรือ เสื้อชูชีพ ความพร้อมของนายท้าย เส้นทางการเดินเรือ รวมไปถึงการหาแนวทางการป้องกันอุบัติเหตุทางทะเลให้รัดกุม เพื่อป้องกันความสูญ เสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังสถานกงสุลใหญ่เกาหลีใต้ประจำประเทศไทย เพื่อแสดงความเสียใจและอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทางสถานกงสุลก็เข้าใจตรงกันว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ส่วนกรณีที่ภรรยาของผู้บาดเจ็บต่อว่าว่าความช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า เกี่ยวกับเรื่องนี้จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว และต้องขออภัยอีกครั้ง
     นายเรวัต โพธิ์เรียง ผอ.การสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิด ขึ้นระหว่างเรือ ก.น้องใหม่ 7 กับเรือ ส.เข็มทอง ซึ่งเบื้องต้นได้ทำการอายัดเรือทั้ง 2 ลำไว้ โดยจากการตรวจ สอบนายท้ายเรือทั้ง 2 ลำ พบว่ามีใบอนุญาตถูกต้องและยังไม่หมดอายุ จึงได้ออกคำสั่งงดใช้ใบอนุญาตนายท้ายเรือไปแล้ว หลังจากนี้จะมีการติดตามตัวนายท้ายเรือในเรือเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป
     ส่วนมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากนี้จะมีการจัดประชุมกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจัดโซนนิ่งเขตเล่นน้ำ เขตจอดเรือ และเขตสันทนาการต่างๆให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาจจะมีการจัดทำช่องเรือเข้า-ออกให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนเรือที่มีการจอดตามชายหาดเพื่อรับนักท่องเที่ยว อาจจะมีการกำหนดจุดขึ้นลงจุดเดี่ยว บริเวณท่าเรือพัทยาใต้และจะมีการแบ่งช่องเรือเข้าออกให้ชัดเจน ทั้งชายหาดพัทยาและเกาะล้าน ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาว สำหรับเรือของการจำ กัดความเร็วนั้นทางเมืองพัทยาได้มีโครงการวิทยุติดตามเรือ โดยจะมีติดตั้งวิทยุดังกล่าวไปกับเรือโดยสาร ซึ่งทางศูนย์ควบคุมของเมืองพัทยาจะเป็นผู้ควบคุ้มและติดตามตำแหน่งเรือ ส่วนเรือที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 2 ลำนั้นยังไม่มีการติดตั้ง GPS แต่อย่างใด จึงไม่สามรถตรวจสอบในเรื่องของการใช้ความเร็วได้
     ในส่วนของคดีความทาง ร.ต.ท.สุพรรณ โสภี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกวันเดียวกันนี้ นายอำนวย กลัดเข็มทอง คนขับเรือ ส.เข็มทอง คู่กรณีอีกลำ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว พร้อมกับให้การว่า ขณะจอดเรือเพื่อเติมน้ำมันอยู่ใกล้ๆหาดตาแหวน จู่ๆ เรือ ก.น้องใหม่ 7 ที่บรรทุกนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีมาเต็มลำ ได้ขับเข้าพุ่งเข้าชนเอง ภายหลังเกิดตกใจจึงกระโดดลงทะเลว่ายน้ำหนีก่อนที่จะเข้ามอบตัว ซึ่งเบื้องต้นเนื่องจากนายอำนวย ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว จึงได้ทำการสอบปากคำไว้เป็นหลักฐานก่อนปล่อยตัวไปแต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ ส่วนนายรุ่งอรุณ หอมลำดวน คนขับเรือ ก.น้องใหม่ 7 ยังคงล่องหน แต่หากยังไม่เข้ามามอบตัวทางตำรวจก็จะได้ขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป
     นายเรวัต โพธิ์เรียง ผอ.การสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิด ขึ้นระหว่างเรือ ก.น้องใหม่ 7 กับเรือ ส.เข็มทอง ซึ่งเบื้องต้นได้ทำการอายัดเรือทั้ง 2 ลำไว้ โดยจากการตรวจ สอบนายท้ายเรือทั้ง 2 ลำ พบว่ามีใบอนุญาตถูกต้องและยังไม่หมดอายุ จึงได้ออกคำสั่งงดใช้ใบอนุญาตนายท้ายเรือไปแล้ว หลังจากนี้จะมีการติดตามตัวนายท้ายเรือในเรือเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้
     ส่วนมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากนี้จะมีการจัดประชุมกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจัดโซนนิ่งเขตเล่นน้ำ เขตจอดเรือ และเขตสันทนาการต่างๆให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาจจะมีการจัดทำช่องเรือเข้า-ออกให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนเรือที่มีการจอดตามชายหาดเพื่อรับนักท่องเที่ยว อาจจะมีการกำหนดจุดขึ้นลงจุดเดี่ยว บริเวณท่าเรือพัทยาใต้และจะมีการแบ่งช่องเรือเข้าออกให้ชัดเจน ทั้งชายหาดพัทยาและเกาะล้าน ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาว สำหรับเรือของการจำ กัดความเร็วนั้นทางเมืองพัทยาได้มีโครงการวิทยุติดตามเรือ โดยจะมีติดตั้งวิทยุดังกล่าวไปกับเรือโดยสาร ซึ่งทางศูนย์ควบคุมของเมืองพัทยาจะเป็นผู้ควบคุมและติดตามตำแหน่งเรือ ส่วนเรือที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 2 ลำนั้นยังไม่มีการติดตั้ง GPS แต่อย่างใด จึงไม่สามารถตรวจสอบในเรื่องของการใช้ความเร็วได้

อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล /นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 081-3455203/087-5871068