ผอ.ททท.พัทยา สนับสนุนให้วัดบุณย์กัญจนาราม ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป 4 ขา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ทางพุทธศาสนา

     จากกรณีชาวบ้าน พบพระพุทธรูป 4 ขา ประดิษฐานภายใน วัดบุณย์กัญจนาราม ริมถนนสุขุมวิท หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สีทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ หน้าตักกว้างประมาณ 29 นิ้ว สูงประมาณ 160 เซนติเมตร เกตุบัวตูม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ามีขาทั้งหมดสี่ขาแบบนั่งขัดสมาธิ โดยขาขวาทับขาซ้ายถึง 2 ชั้น ลักษณะลำตัวเอียงไปด้านหลังเล็กน้อย 
     ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว เปิดเผยว่า องค์หลวงพ่อ 4 ขานี้ ได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้มานานแล้ว มีอายุไม่น่าจะต่ำกว่า 50 ปี และน่าจะเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของประเทศที่มี 4 ขา ส่วนประวัติความเป็นมานั้น สืบเนื่องจากได้มีโยมคนหนึ่ง ป่วยเกี่ยวกับโรคข้อและกระดูกที่ขา สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก รักษาอย่างไรก็ไม่หาย และในวันหนึ่งขณะนอนหลับ ได้ฝันว่ามีคนมากระซิบบอกให้สร้างหลวงพ่อ 4 ขา ที่วัดแห่งนี้ เพราะท่านเป็นหมอชีวกโกมารภัจจ์ ผู้รักษาพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด และเมื่อตื่นขึ้นมาจึงได้ทำตามที่ได้ฝัน และปรากฏว่าได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บจริงๆ นับแต่นั้นมา เมื่อญาติโยมคนใดเกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเกี่ยวกับขา ก็จะมาจุดธูป 3 ดอก บนบานศาลกล่าว กราบไหว้ เพื่อขอพรให้หายจากอาการเจ็บป่วยก็จะหาย จนเป็นที่กล่าวขานทั่วไปของคนในชุมชนแห่งนี้ 
     และล่าสุดสื่อมวลชนได้มีการนำเรื่องนี้ออกมาเผยแพร่ ปรากฏว่าเป็นที่สนใจของบุคคลโดยทั่วไป ในวันนี้ จึงได้มีเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าว ต่างเข้ามากราบไหว้เพื่อขอพร และขอให้หายจากอาการเจ็บป่วยกันเป็นจำนวนมาก
ในวันนี้ (2 พ.ค.56) นายอรรถพล วรรณกิจ ผอ.ททท.สำนักงานพัทยา กล่าวว่า มีผู้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามถึงเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก แม้ว่าตนเองเพิ่งจะทราบเรื่อง แต่ก็เห็นชอบที่จะสนับสนุนและปรับปรุงสถานที่แห่งนี้ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ทางพุทธศาสนา ซึ่งตามปกติวัดแห่งนี้ จะมีผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาเข้ามากราบไหว้กันอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ ว่าหากขอสิ่งใดและจะได้ตามที่ขอนั้นเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล หากเชื่อและปฏิบัติตามแล้วสบายใจก็ถือเป็นเรื่องดี ผอ.ททท.สำนักงานพัทยา กล่าวในตอนท้าย 
     สำหรับบรรยากาศภายในวัดบุณย์กัญจนาราม หลังจากที่ได้นำเสนอข่าวออกไปแล้ว ได้มีผู้ที่ทราบข่าวต่างสนใจเดินทางเข้ามากราบไหว้ เพื่อขอพรกันอย่างต่อเนื่อง บางคนไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริงถึงกับเดินทางมาดูให้เห็นด้วยตาของตัวเอง ถึงเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 ขา จริง ๆ และเมื่อผู้สื่อข่าวจะเข้าสอบถามถึงรายละเอียดและความเป็นมาปรากฏว่า ท่านเจ้าอาวาสวัดบุณย์กัญจนาราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ติดกิจนิมนต์จึงไม่สามารถสอบถามได้
     ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ขอเข้าพบ พระบุญส่ง จันทิโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพประสาท อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพระที่ได้มีการศึกษาพระธรรมวินัยจนแตกฉานได้เปิดเผยว่า พอทราบเรื่องนี้เหมือนกันพร้อมกับเผยว่า สำหรับพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก อิริยาบถประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา ( ตัก ) พระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุ ( เข่า ) นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงพื้นธรณี แต่ที่วัดบุณย์กัญจนาราม อ.บางละมุง พบว่ามีขาทั้งหมดสี่ขา แบบนั่งขัดสมา ธิ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก อาตมาคิดว่าสิ่งใดที่เป็นของพระพุทธเจ้า และการสร้างด้วยเจตนาดีเป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น ส่วนความเชื่อถือศรัทธานั้นเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
     สำหรับความเป็นมาของพระพุทธรูปปางมารวิชัยนั้น จากการศึกษาในพระไตรปิฎกทราบว่าเกิดขึ้นขณะที่พระบรมโพธิสัตว์ประทับ ณ โพธิบัลลังก์ พญามารวสวัตตีประทับบนหลังช้างคีรีเมฃล์สูง 150 โยชน์ ยกทัพมาหมายจะทำลายความเพียรของพระองค์ พญามารเนรมิตร่างสูงใหญ่มีมือนับพันถือศัสตราวุธพร้อม นำเหล่าเสนามารมากมายมืดฟ้ามัวดิน เหล่าเทวดาทั้งหลายหนีไปหมด แต่พระบรมโพธิสัตว์มิได้หวาดกลัวพวกมารที่ซัดศัสตราวุธเข้าใส่แต่อย่างใด และเป็นยิ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักเมื่อศัสตราวุธที่หมู่มารซัดเข้าใส่พระบรมโพธิสัตว์นั้น กลับกลายเป็นบุปผามาลัยไปสิ้น ถึงแม้ว่าพญามารจะกล่าวทึกทักว่า รัตนบัลลังก์เป็นของตน พระบรมโพธิสัตว์ ทรงกล่าวตอบว่า รัตนบัลลังก์นี้เกิดมาด้วยบุญที่พระองค์สั่งสมมาแต่ปางก่อน โดยอาศัยแม่พระธรณีเป็นพยาน แม่พระธรณีได้ปล่อยมวยผมบีบน้ำ กรวดอุทิศผลบุญจากการทำทานของพระบรมโพธิสัตว์ให้ไหลเข้าพัดพาเหล่ามารไปจนสิ้น
     ซึ่งความเชื่อของคนโบราณบอกว่า หากผู้ใดที่ได้เคารพกราบไหว้ พระบรมโพธิสัตย์ปางมารวิชัย แล้วหากมีเรื่องร้ายก็จะกลายเป็นดี หากเกิดอาการเจ็บป่วยก็จะมีอาการดีขึ้น จึงใกล้เคียงกับความเชื่อของชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณวัดบุณย์กัญจนาราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรีว่า หากมีผู้เจ็บป่วยเมื่อได้เข้ามาขอพรและกราบไหว้แล้ว จะทำให้มีอาการดีขึ้น จึงเป็นความเชื่อที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล /นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 081-3455203/087-5871068