หนอนหัวดำระบาดทั่วสวนมะพร้าวในเขตอำเภอศรีราชาทำให้ต้นตายเป็นจำนวนมาก‏

     ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอศรีราชา นายจินดาพันธ์  พาณิชนิกร เกษตรอำเภอศรีราชา  ได้กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนมะพร้าว ในพื้นที่อำเภอศรีราชาและอำเภอใกล้เคียง กำลังได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากหนอนหัวดำและแมลงดำหนาม ที่มากัดกินไม้มะพร้าวและดูดน้ำเลี้ยงจากต้นมะพร้าว  และต้นมะพร้าวดังกล่าวจะตายในที่สุด สร้างความเสียหายต่อชาวสวนมะพร้าวเป็นอย่างมาก

     สำหรับหนอนหัวดำและแมลงดำหนามนั้น จะอาศัยน้ำเลี้ยงจากใบมะพร้าวเป็นแหล่งอาหาร โดยจะฟักตัวอยู่ใต้ใบมะพร้าวและมีเส้นใยห่อหุ้มตัวอยู่  โดยนอนจะฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจะลอกคาบเป็นตัวแก่และกินต้นมะพร้าวต้นอื่นๆ ต่อไป ซึ่งการขยายพันธุ์หนอนหัวดำ และแมลงดำหนาม จะแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
     นายจินดาพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทางเกษตรอำเภอ  พยายามหาแนวทางในการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากต้นมะพร้าวถูกหนอนทำลายเสียหายไปกว่า 50 % แล้ว ซึ่งมีชาวสวนปลูกมะพร้าวประมาณ 20,000 ไร่  ล่าสุดทางด้านนักวิชาการด้านการเกษตร กำลังเพาะเลี้ยงแตนเบียน (สัตว์ที่ไปลำลายกันเอง) เพื่อไปกำจัดหนอนดังกล่าวให้หมดสิ้นไป แต่ปริมาณยังไม่มากพอที่จะไปกำจัดหนอนหัวดำ และแมลงดำหนาม จึงได้เร่งเพาะขยายอยู่ในขณะนี้
     ปัจจุบันพื้นที่ทางการเกษตรไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว เท่าที่ควร โดยปล่อยให้เป็นแหล่งแพร่ระบาดของศัตรูพืชและยากที่จะดูแลและกำจัดได้   ดังนั้นทุกหน่วยงานควรให้ความรู้ในการกำจัดต่อไป ที่สำคัญมะพร้าวต้นสูงโดยจะใช้สารเคมีไปกำจัดนั้นก็ยาก จึงต้องใช้แตนเบียน เป็นตัวกำจัดในครั้งนี้
     ด้าน นางโรมใจ  สุขศรี เจ้าของสวนมะพร้าว หมู่ 4 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา  กล่าวว่า  ในช่วงแรกที่ต้นมะพร้าวเกิดปัญหา ทางชาวสวนไม่ทราบสาเหตุ โดยใบมะพร้าวจะเหลืองจากปลายใบด้านล่างและจะลามไปถึงยอดจนแห้งเหี่ยวยืนต้น ตายในที่สุด  ซึ่งล่าสุดมีนักวิชาการเกษตรได้ออกมาแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านในแต่ละพื้นที่ทราบ เพื่อหาแนวทางในการกำจัด  เนื่องจากมะพร้าวต้นสูงจะใช้สารเคมีฉีดพ่นก็เป็นไปได้ยาก โดยขณะนี้มีการสอนวิธีเพาะเลี้ยงแตนเบียน เพื่อนำไปทำลายหนอนหัวดำและแมลงดำหนามต่อไป ขณะนี้มะพร้าวในพื้นที่หนองขามถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดที่สวนปลูกมะพร้าวไว้จำนวน 100 ต้น ถูกหนอนหัวดำทำลายกัดกินไปแล้วกว่า 30 ต้น และสวนอื่นๆก็ถูกทำลายล้มตายไปจำนวนมากเช่นกัน และหากไม่รีบดำเนินการป้องกันแก้ไข ในอนาคตอาจจะไม่มีมะพร้าวให้รับประทานอย่างแน่นอน