รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จับมือ 7 หน่วยงาน จัดการแข่งขันชิงจ้าวความเร็ว BANGSAEN THAILAND SPEED  FESTIVAL  ปี 2013  ครั้งที่  7 อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี เริ่ม แข่งขันในระหว่างวันที่ 18-22 ธ.ค.นี้  คาดว่ามีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานนี้กว่า  2 แสนคน เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท               

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จับมือ 7 หน่วยงาน จัดการแข่งขันชิงจ้าวความเร็ว BANGSAEN THAILAND SPEED  FESTIVAL  ปี 2013  ครั้งที่  7 อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี เริ่ม แข่งขันในระหว่างวันที่ 18-22 ธ.ค.นี้  คาดว่ามีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานนี้กว่า  2 แสนคน เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท               
     ที่ห้องแปซิฟิค 1-3 โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี  นายสนธยา  คุณปลื้ม  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประธานในพิธี  พร้อมด้วยตัวแทนจาก  7  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ประกอบด้วย  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ,การกีฬาแห่งประเทศไทย ,จังหวัดชลบุรี ,องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ,เทศบาลเมืองแสนสุข และราชยานยนต์ สมาคมแห่งประเทศไทย(ร.ย.ส.ท.) ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการแข่งขัน  BANGAEN THAILAND SPEED FESTIVAL   ปี 2013 ครั้งที่  7 อย่างยิ่งใหญ่
     สำหรับการจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย  บริเวณชายหาดบางแสน เป็นสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่มีมาตรฐาน ระยะทาง 3,700 เมตร  ถือว่าเป็นการจัดการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  เนื่องจากมีรถยนต์ทุกประเภท เข้าร่วมการแข่งขันกว่า  300  คัน โดยมีนักแข่งทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้ามาร่วมการแข่งขันดังกล่าว               
     นายสนธยา  กล่าวว่า  การจัดการแข่งขัน BANGAEN THAILAND SPEED FESTIVAL  เริ่มครั้งแรกในปี 2007  ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรและถูกต่อต้านจากกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าบริเวณดังกล่าว โดยหวั่นจะขาดรายได้    ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมชมการแข่งขันประมาณ  8 แสนคน และครั้งล่าสุดในปี 2012 ที่ผ่านมา กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าให้การสนับสนุนและเห็นชอบด้วย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมเพิ่มมากขึ้น ประมาณ  1.7 ล้านคน  ซึ่งสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศและประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวด้วย               
     ส่วนในปีนี้ ถือว่ามีนักแข่งเข้าร่วมการแข่งขันมากที่สุดถึง  312  คัน  รวมระยะเวลาในการแข่งขัน  5  วัน ตั้งแต่วันที่  18-22 ธ.ค. นี้ คาดว่าจะมีเงินสะพัดในพื้นที่กว่า  200 ล้านบาท และ มีนักท่องเที่ยวมาร่วมชมในงานนี้ กว่า 2 แสนคนอย่างแน่นอน และในอนาคตจะต้องมีการพัฒนาสนามแข่งขันให้มีมาตรฐานเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันที่ใหญ่ขึ้นต่อไป”นายสนธยา กล่าว