ปลานิลสัญจรเกษตรกรพบผู้สิ่งออก 3 |
|
กรมประมงเดินหน้าจัดสัมมนา ปลานิลสัญจร เกษตรกรพบผู้สิ่งออก ครั้งที่ 3 
วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 กรมประมง ร่วมกับสมาคมแช่เยือกแข็งไทย จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการเพิ่มศักยภาพการผลิตปลานิลเพื่อการสิ่งออก ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมีนายเกษม วัฒนธรรมรองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้การต้อนรับ นายนิกร จำนง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธิเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการเพิ่มศักยภาพการผลิตปลานิลเพื่อการส่งออก ในโครงการปลานิลสัญจร เกษตรกรพบผู้ส่งออก ครั้งที่ 3 โดยมีเจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ และกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมสัมมนากว่า 300 ราย ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการบริหารสินค้าปลานิลและผลิตภัณฑ์ เปิดเผยว่า ปลานิล เป็นปลาน้ำจืดซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและทั่วโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ้งสอดคล้องกับปริมาณผลผลิตภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยขณะนี้มีเกษตรกรทำการเพาะเลี้ยงปลานิลกันอย่างแพร่หลาย ทั้งการเลี้ยงในลักษณะบ่อดินและกระชังมีอัตราขยายตัวกระจายครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ อีกทั้งกระบวนการผลิตยังมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้ประเทศผู้นำเข้าให้ความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยในสินค้าปลานิลที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศไทยเป็นย่างมาก ทั้งในรูปแบบปลามีชิวิต ปลาสด ปลาทั้งตัวแช่แข็งปลาแล่เนื้อแช่แข็ง โดยคาดการณ์ว่าในปี 2553 จะมีผลผลิตปลานิลเท่ากับ 300,000 ตัน และจะเพิ่มปริมาณการส่งออกให้ได้ถึง 50,000 ตัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลก ซึ่งตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป กลุ่มตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น นายนิกร จำนง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ด้วยศักยภาพในการผลิตปลานิลของประเทศไทย กรมประมงมีนโยบายที่จะผลักดันในปลานิลเป็นสิงค้าส่งออก โดยได้ร่วมกับสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การเพิ่มศักยภาพการผลิตปลานิลเพื่อการสิ่งออก ผลปรากฏว่ามีเกษตรกรและผู้ประกอบการแปรรูปให้ความสนใจเข้าร่วมการสัมมนาเป็นจำนวนมาก เกษตรกรได้รับข้อมูลสถานการณ์ความต้องการปลานิล ในตลาดโลกที่แท้จริง อีกทั้งมีความสนใจในการรวมกลุ่มเพื่อสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง และที่สำคัญเกิดการประสานระบบซื้อขายระหว่างเกษตรกรและผู้แปรรูป เป็นการวางรากฐานให้การส่องออกสินค้าปลานิลเติบโตในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน  |