แจ้งความดำเนินคดี3แกนนำเสื้อแดง |
|
พลเมืองดีอำเภอศรีราชาเข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ 3 แกนนำเสื้อแดง
พลเมืองดีอำเภอศรีราชา เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา ให้ดำเนินคดีแก่นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมกับพวก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 และมาตรา 198 อย่างเร่งด่วน ในวันนี้ นายนรินทร์ อ้วนถาวร อายุ 41 ปี เดินทางเข้ามาร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา ให้ดำเนินคดีแก่นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมกับพวก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 และมาตรา 198 โดยเร็ว และไม่ควรปล่อยปละละเลยให้กลุ่มนี้ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองอีกต่อไป เนื่องจากความผิดข้างต้นเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน เป็นคดีที่ไม่อาจยอมความกันได้ จึงได้มาร้องขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง รีบดำเนินการดดยเร่งด่วน จากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งนำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ กับพวก ที่ดำเนินการรวบรวมรายชื่อประชาชนที่นิยมชมชอบ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ให้ร่วมกันลงชื่อถวายฏีกาเพื่อทูลเกล้าถวายฏีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการโฆษณาป่าวประกาศว่าจะสามารถนำรายชื่อประชาชนจำนวนหลายล้านคนมาร่วมลงรายชื่อ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ในกรณีที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประกาศว่าจะพามวลชนเรือนแสนนำฏีกาไปยื่นต่อท่านราชเลขาธิการ ซึ่งหลาย ๆ ฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีลักษณะที่เป็นการดำเนินการทางการเมือง เพื่อกดดันต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง และยังเป็นการกระทำความผิดต่อตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุดทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อมิให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” ดังนั้นการที่นายวีระ มุกสิกพงศ์ กับพวกนำมวลชนมาลงชื่อถวายฏีกาเพื่อกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้พระราชทานอภัยโทษแก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะเนื้อหาในฏีกามีลักษณะกล่าวร้ายต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถือว่าเป็นการทูลเกล้าถวายฏีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลฏีกา ซึ่งต้องห้ามตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า “คดีที่ศาลฏีกาได้พิจารณาหรือมีคำสั่งแล้ว คู่ความไม่มีสิทธิที่จะทูลเกล้าถวายฏีกาคัดค้านคดีนั้นต่อไป” ประกอบพระราชกฤษฏีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2549 มาตรา 4 บัญญัติว่า “ผู้ซึ่งจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฏีกานี้ต้องมีตัวตนอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฏีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ในกฤษฏีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ” กลุ่มเสื้อแดงย่อมไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฏหมายที่จะทูลเกล้าถวายฏีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แทนพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรได้”นายนรินทร์ กล่าว |