Home
|
สถานการณ์น้ำกินน้ำใช้ จ.ชลบุรี ยังไม่พ้นวิกฤต |
|
สถานการณ์น้ำอุปโภคบริโภคในชลบุรียังไม่พ้นวิกฤต ทั้งที่มีพายุ หว่ามก๋อ แต่น้ำไหลเข้าอ่าง เพียงเล็กน้อย ยังต้องสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง-และเจ้าพระยาเข้ามาเสริม
นายบุญสม ยุติธรรมภิญโญ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานชลบุรี เปิดเผยว่าสถานการณ์น้ำในจังหวัดชลบุรี หลังช่วงพายุ หว่ามก๋อ” พัดเข้ามาในช่วงที่ผ่านมา พบว่าน้ำในอ่างเก็บน้ำ 9 อ่างนับตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำกักเก็บรวมกันทั้งสิ้น 58.67 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ขณะนี้มีน้ำกักเก็บรวมกันได้ 139.40 ลูกบาศก์เมตร โดยมีน้ำไหลเข้าอ่างจำนวน 80.69 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เป็นน้ำที่สูบจากแม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตประมาณ 4.20 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้น เป็นปริมาณน้ำที่ได้มาจากพายุ หว่ามก๋อ เข้ามาจำนวน 76.49 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้น แต่ส่วนใหญ่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำคลองหลวง ซึ่งมีน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับอ่างเก็บน้ำบางพระ มีน้ำเหลือเพียง 24.457 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 20.90% จากความจุทั้งสิ้น 117 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยหากจะเพียงพอสำหรับในฤดูแล้งปีหน้านั้นต้องมีน้ำปลายฤดูฝนในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ไม่น้อยกว่า 60 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้นอ่างบางพระยังขาดน้ำอีก 35 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยขณะนี้ต้องสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง โดยบริษัท อีสท์วอเตอร์ และแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต จากกรมชลประทาน ได้อีกประมาณ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงระยะเวลา 40 วันนี้ หลังจากนี้ก่อนจะถึงหน้าแล้งจะไม่สามารถดูดน้ำได้ เนื่องจากน้ำจะกร่อยหรือน้ำเค็มแล้ว นอกจากนั้นในช่วงฤดูฝนที่เหลือนี้จะต้องมีน้ำไหลเข้าอ่างบางพระอีกประมาณ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยน้ำไหลเข้าอ่างบางพระที่คาดการณ์ไว้ แต่หากไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้จะต้องประชุมหน่วยงานที่ใช้น้ำเพื่อวางมาตรการลดการใช้น้ำต่อไป |
|
|
Date
พฤหัสบดี, 28 มีนาคม 2024
|