กรมศุลกากร ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดการเดินขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ผ่านระบบตรวจสอบตู้สินค้าทางรถไฟด้วยเครื่องเอกซเรย์

     วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 กรมศุลกากร ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกันเปิดการเดินขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ผ่านระบบตรวจสอบตู้สินค้าทางรถไฟด้วยเครื่องเอกซเรย์ ณ บริเวณอุโมงค์เอกซเรย์ขบวนรถไฟท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
     กรมศุลกากรโดยนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกันเปิดการเดินขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ผ่านระบบตรวจสอบตู้สินค้าทางรถไฟด้วยเครื่องเอกซเรย์ โดยมี นายอำเภอศรีราชา การท่าเรือแห่งประเทศไทย ท่าเรือแหลมฉบังสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ประกอบการท่า และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน
     นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา กรมศุลกากรได้พัฒนาปรับปรุงระบบงานศุลกากรหลายด้าน เพื่อยกระดับศุลกากรไทยให้ได้มาตรฐานสากล และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และเพื่อให้การดำเนินพิธีการทางศุลกากรเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการ โดยยังคงให้ความสำคัญกับภารกิจด้านป้องกันและปราบปรามสินค้าลักลอบหลีกเลี่ยงภาษี ตลอดจนสินค้าที่ไม่พึงประสงค์ควบคู่กันไป กรมศุลกากรจึงได้นำเครื่องเอกเรย์มาใช้ในการตรวจสอบตู้สินค้าที่ขนส่งทางรถไฟ ซึ่งระบบตรวจสอบดังกล่าวเป็นวิธีการตรวจสอบที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับของสากลและเป็นวิธีการที่องค์กรศุลกากรโลก (WCO) สนับสนุนให้หน่วยงานศุลกากรทั่วโลกนำไปปฏิบัติ นอกจากนี้ ยังช่วยลดปัญหาการจราจรและปัญหามลภาวะที่เกิดจากการขนส่งทางถนน ซึ่งเป็นการขนส่งที่สิ้นเปลืองพลังงานและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยในปัจจุบันการขนส่งด้วยรถยนต์กับระบบราง คิดเป็นสัดส่วน 9 : 1 โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนารถไฟทางคู่บนเส้นทางขนส่งที่หนาแน่น และพัฒนาระบบการให้บริการขนส่งทางราง บริการยกตู้สินค้าภายในท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการขยายลานกองตู้สินค้าที่ขนส่งมาทางรถไฟหรือเรียกว่า โครงการศูนย์ขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2563 ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือที่มีตู้สินค้าผ่านเข้า-ออกมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอันดับที่ 24 ของโลก โดยมีอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 11-13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งในปี พ.ศ.2559 คาดว่า จะมีตู้สินค้าผ่านเข้า-ออกที่ท่าเรือแหลมฉบังเกิน 10ล้านทีอียู และตามแผนการพัฒนาขยายท่าเรือ ในปี พ.ศ. 2563 คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณตู้คอนเทนเนอร์สูงถึง 16 ล้านทีอียู ทำให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือที่มีตู้สินค้าผ่านเข้า-ออกมากเป็นอันดับที่ 5 ของโลก รองจากประเทศสิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และเชินเจิ้นของสาธารณรัฐประชาชนจีน  
     เพื่อเป็นการส่งเสริมระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยและรองรับการเติบโตทางการค้าระหว่างประเทศที่มีอัตราสูงขึ้นในอนาคต กรมศุลกากรและการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการขนส่งและเครือข่ายโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับภาคธุรกิจไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำระบบนี้มาใช้งานอีกด้วย