ทหาร-ตำรวจลุยตรวจคอนโดฯย่านพัทยากลาง พบอุปกรณ์การเล่นพนันและสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดในห้องลับ เผยนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทำร้องเรียน ผบ.มทบ.14 หลังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ถืออาวุธปืนบุกข่มขู่พนักงานตรวจสอบบัญชีเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล

     เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 เม.ย.59 พ.ต.สมเกียรติ ซึมกลาง หัวหน้าชุดปฏิบัติการพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มณฑลทหารบกที่ 14 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร , ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และตำรวจท่องเที่ยว นำหนังสือคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 เดินทางเข้าตรวจสอบอาคารชุดนิติบุคคล “9 กะรัตคอนโดมิเนี่ยม” ซอยอรุโณทัย ย่านพัทยากลาง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังมีคนร้องเรียนว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปข่มขู่ทำร้ายร่างกายพนักงานของคอนโดมิเนียม และเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล
     จากการตรวจสอบห้องลับบริเวณชั้นใต้ดิน ซึ่งเคยเปิดเป็นบ่อนการพนันแต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและปิดตัวไปหลายปีแล้ว ภายในพบไพ่จำนวนหลายสำรับ โต๊ะบาคาร่า และอุปกรณ์การเล่นไพ่บาคาร่าอีกหลายรายการ นอกจากนี้ยังพบขวดแก้วสีน้ำตาล (ขวดเปล่า) บรรจุอยู่ในลังกระดาษจำนวน 12 ขวด ติดฉลากระบุว่าเป็นหัวน้ำหอมกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสม หรือสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดได้ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน และจะได้ตรวจสอบในภายหลังว่าใครเป็นเจ้าของสถานที่ดังกล่าว
     สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีนายไชยรัตน์ มโนมัยวิบูลย์ (ไม่ได้ระบุอายุ) อยู่บ้านเลขที่ 517 ซอยอรุโณทัย พัทยากลาง อาชีพนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอดีตผู้บริหารงานอาคารนิติคอนโดมิเนียมบ้านเก้ากะรัต ทำหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 17 มี.ค.59 พร้อมกับแนบเอกสารหลักฐาน ส่งไปถึงผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 เพื่อขอความเป็นธรรม โดยเนื้อหาใจความสำคัญระบุว่า เมื่อเดือน ต.ค.2558 ได้จัดส่งคนไปตรวจสอบบัญชีที่เก้ากะรัตคอนโดมิเนียม ปรากฏว่าได้มีการบิดเบือนตัวเลขทางบัญชี หลังจากนั้นสามีของ น.ส.นฤมล เนตรวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินของคอนโดฯ ทราบชื่อคือนายสนธยา (ไม่ทราบนามสกุล) ได้พาพวกพร้อมอาวุธปืนมาข่มขู่และทำการขับไล่พนักงานที่ลงไปตรวจสอบบัญชีและทีมช่าง พร้อมกับลักทรัพย์ในห้องทำงานและบุกรุกเข้ามาอยู่ในห้องซึ่งเป็นทรัพย์สินของตนเอง
     ในหนังสือร้องเรียนของนายไชยรัตน์ ยังระบุอีกว่า ในเวลาต่อมาตนเองได้เดินทางมาตรวจสอบทรัพย์สินที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย แต่ก็ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งเป็นพรรคพวกของนายสนธยา เข้ามาข่มขู่ ทำให้ไม่สามารถเข้าตรวจสอบทรัพย์สินในส่วนอื่นๆ ได้ นอกจากนี้หากกลุ่มของนายสนธยา ไม่พอใจคนที่เข้ามาพักอยู่อาศัยในคอนโดฯ ก็จะทำการโยนรถจักรยานยนต์ของบุคคลที่ถูกคุกคามลงในสระว่ายน้ำของคอนโดฯ หรือไม่ก็ทำการลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ พร้อมกับข่มขู่ผู้เสียหายอีกด้วย จึงต้องทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้บัญชาการมนฑลทหารบกที่ 14 นอกจากนี้นายไชยรัตน์ ยังได้เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบปรามเมื่อวันที่ 6 พ.ย.58 เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.นฤมล เนตรวงศ์ และ น.ส.ดารินทร์ เมตดี ในความผิดฐาน ร่วมกันยักยอกและฉ้อโกงทรัพย์ แต่ภายหลังกองปราบปรามได้โอนย้ายคดีมาที่ สภ.เมืองพัทยา เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์อำนาจการสอบสวนของกองปราบปราม
     ด้าน พ.ต.สมเกียรติ ซึมกลาง เปิดเผยว่า หลังได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา จึงประสานตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และตำรวจท่องเที่ยว นำกำลังมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะได้เชิญ น.ส.นฤมล เนตรวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินประจำออฟฟิศที่มีชื่อในหนังสือร้องเรียน มาสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลทำรายงานส่งผู้บังคับบัญชา โดยเบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับใคร และทหารขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย

อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล/นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี081-3455203 /086-3684323