กองอำนวยการรักษาความั่นคงภายใน ประชุมบูรณาการ 9 จังหวัด ในพื้นที่ภาคกลางตอนกลางและภาคตะวันออก เน้น ปัญหาแรงงานต่างด้าว-ยาเสพติด และทำลายป่า
วันนี้ (24 ส.ค. 2552) ที่โรงแรม เดอะไทด์ รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี พลโท คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน 1 เป็นประธานในการประชุมบูรณาการงานพัฒนาและงานด้านความมั่นคงกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 4 จังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี,ระยอง,จันทบุรี,ตราด และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง 5 จังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ,ปราจีนบุรี ,สระแก้ว , นครนายก ,สมุทรปราการ พร้อมหน่วยงานต่างๆร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง การประชุมในครั้งนี้ เพื่อให้ทราบแนวทางการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 เพื่อให้ผู้ว่าราชการในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง จำนวน 9 จังหวัด ทราบถึงอำนาจหน้าที่และแนวทางในการปฏิบัติงาน และตระหนักในปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อความมั่นคงของประเทศในอนาคต พลโท คณิต กล่าวต่อไปว่า สำหรับปัญหาที่หวั่นจะสร้างผลกระทบ ต่อความมั่นคงมี 3 ปัญหาหลัก คือ 1. ปัญหาแรงงานต่างด้าว 2.ปัญหาการบุกรุกป่าและที่ดินราชพัสดุ และ3.ด้านยาเสพติด เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลด้วย โดยพื้นที่ที่ต้องเน้นหนัก คือ จังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งใช้แรงงานจำนวนมาก และ จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน จะมุ่งเน้นด้านยาเสพติด และจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าจำนวนมาก สำหรับพื้นที่ป่าไม้-ที่ดินราชพัสดุนั้น ได้กำชับให้มีแนทางในการป้องกันและให้ดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกอย่างจริงจัง เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลและผู้กว้างขวาง โดยปัญหานี้จะดำเนินการเหมือนจังหวัดราชบุรี ที่ได้ดำเนินการเป็นตัวอย่างไปแล้ว นอกจากนั้นต้องร่วมกันรณรงค์และปลูกป่าเพิ่มมากขึ้น และขณะนี้พื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เช่น พื้นที่สนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้เข้าไปบุกรุกและตัดไม้ เป็นจำนวนมากซึ่งได้ประสานกับผู้ว่าในพื้นที่และนำกองกำลังทหารเข้าไปดูแลป้องกันอย่างเข้มงวดแล้ว พลโท คณิต ได้ให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน ถึงปัญหาที่หวั่นวิตกอย่างมากในขณะนี้ และในอนาคต คือ ปัญหาแรงงานต่างด้าว ที่มีการลงทะเบียนแล้วอย่างถูกต้องและกลุ่มที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างแน่นอน เนื่องจากบุคคลเหล่านี้เข้ามาแล้ว จะมีลูกมีหลานเพิ่มขึ้น ดังนั้นด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุขในการดูแลกลุ่มเหล่านี้ หากยังไม่มีมาตรการในการดูแลก็จะเป็นปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน ส่วนปัญหาเรื่องของการบุกรุกป่า ที่จังฉะเชิงเทรานั้น ตนได้กำชับให้หลายหน่วยงานร่วมมือกันเข้าตรวจสอบอย่าเร่งด่วนแล้ว ทางด้าน นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการฉะเชิงเทรา ได้ให้สัมภาษณ์ กับสื่อ เช่นเดียวกันว่า ตอนนี้ปัญหาของการบุกรุกป่า ในเขตพื้นที่รอยต่อ จังหวัดฉะเชิงเทรามีปัญหา มากมายที่มีทั้งชาวบ้านและกลุ่มผู้มีอธิพล รวมมือกันบุกรุกป่า เป็นบริเวณกว้าง จนมีการตัดไม้ทำลายป่ากันอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งในขณะนี้ได้มีหน่วยงานของกรมป่าไม้ได้นำกล้าไม้ไปให้ชาวบ้านปลูกทดแทน จนมีชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพวกนาทุนและชาวบ้านบางกลุ่มที่เข้าไปบุกรุกแล้วตัดไม้กัน ส่วนพวกตนนั้น กับต้องมานิ่งเฉย เพราะไม่มีหน่วยงานใดกล้าที่จะเข้าจับกุม จนพวกตนต้องออกมาประกาศถึงความเสียหายที่พวกนายทุนกระทำกับทรัพยากรธรรมแห่งนี้ ถึงแม้จะเสี่ยงกับชีวิตก็ตาม อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการเปิดโปรงการบุกรุกป่าในครั้งนี้ ทางหน่วยงานรัฐคงนิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว ได้กำชับทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบเป็นการด่วนหากพบว่าเป็นคนของรับร่วมก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน นายสุรพล ผจว.ฉะเชิงเทรากล่าว. |