ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดชลบุรี แนะเกษตรกร เพาะพันธุ์ลูกปลานิล สร้างรายได้ หรือปรึกษาวิธีการทำฟาร์มเพาะลูกปลานิลแปลงเพศอย่างถูกต้องเพื่อเสริมรายได้เกษตรกรเองด้วย

     ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดชลบุรี ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  นางศศิวิมล เปาลิวัฒน์  ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดชลบุรี เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน จังหวัดชลบุรี มีการเลี้ยงปลาน้ำจืดเพื่อการค้าตามแหล่งน้ำและไร่นาในหลายๆพื้นที่ ทำให้ระบบการผลิตและการตลาดได้พัฒนาเป็น ห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์ และสำหรับการเพาะเลี้ยง “ปลานิล” เป็นอีกอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยมาอย่างยาวนาน แต่ปัญหาที่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลมักประสบคือ ปลานิลที่เลี้ยงในบ่อหรือกระชังหากเป็นปลาเพศเมียจะมีขนาดตัวเล็กกว่าปลานิลเพศผู้ ทาง กรมประมง โดยสำนักวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จึงได้คิดค้นและทดลองทำวิธี “แปลงเพศ” ปลานิล ด้วยการให้ฮอร์โมนขึ้น
     สำหรับการแปลงเพศปลานิลนั้น เพื่อให้ได้ลูกปลานิลเพศผู้ที่สามารถเลี้ยงได้ขนาดตัวโตและให้ผลผลิตสูง ซึ่งปัจจุบันลูกปลานิลแปลงเพศเริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของเกษตรกรมากขึ้น โดยมีศูนย์/สถานีของกรมประมงเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายให้กับเกษตรกร นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้แก่เกษตรกรที่สนใจได้เข้ามาฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการเพาะขยายพันธุ์เพื่อผลิตลูกปลานิลแปลงเพศที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน“ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จังหวัดชลบุรี” จึงเป็นหนึ่งในหน่วยงานของสำนักวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด ที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรที่สนใจได้เข้ามาฝึกอบรมวิธีการแปลงเพศปลานิล ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรได้เข้ามาฝึกอบรมที่ศูนย์ฯ แล้วเป็นจำนวนมาก.....
     โดยการเพาะพันธุ์ปลานิลแดง จะมีวิธีทำดังนี้ การเพาะพันธุ์แบบเลียนแบบธรรมชาติ ในบ่อซีเมนต์ขนาด 50 ตารางเมตร  โดยปล่อยพ่อพันธุ์ปลานิลแดง ขนาด  0.5-0.7 กิโลกรัม  และแม่พันธุ์ปลาขนาด  0.3-0.6 กิโลกรัม ในอัตราพ่อพันธุ์  40  ตัว  แม่พันธุ์  70  ตัว / บ่อ  ให้อาหารปลาดุกใหญ่  เปอร์เซ็นต์โปรตีนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ผสมวิตามิน  C  วิตามิน  E  และวิตามินรวม  ในอัตรา  5  กรัม / อาหาร  1  กิโลกรัม  ให้อาหารวันละ 1 ครั้งเวลาบ่าย  อัตราการให้อาหาร  0.5-1%  ของน้ำหนักตัว หลังจากปล่อยพ่อแม่ปลานิลแดงครบ  7  วัน ทำการเคาะปากปลานิล  เพื่อนำไข่ปลานิลออกจากปากแม่ปลามาเพาะฟักในอุปกรณ์ฟักไข่   จำนวนแม่ปลาให้ไข่เฉลี่ย  23 ตัว/บ่อ/สัปดาห์   แม่ปลา  1  ตัว ให้ไข่ประมาณ  1,800  ฟอง  นำไข่ระยะ1-2 ที่ได้มาฟักในกรวยฟักไข่  ทำความสะอาดไข่ก่อนนำสู่กรวยฟักไข่และเมื่อลูกปลาฟักเป็นตัวในระยะที่  3  ให้ย้ายลงถาดอนุบาลจนถุงไข่แดงยุบ  จึงนำลูกปลาย้ายลงอนุบาลต่อในกระชังขนาด  2x5x1.2  เมตร  ในอัตรา  15,000  ตัว / กระชัง  ต่อมาก็จะนำลูกปลานิลที่ฟักเป็นตัวแล้วลงอนุบาลในกระชังขนาด  2x5x1.2  เมตร  ในอัตรา  15,000  ตัว / กระชัง  เริ่มให้อาหารกุ้งกุลาดำวัยอ่อนระยะที่  1  ผสมฮอร์โมน  17& methyltestosterone  ในอัตรา  60  มิลลิกรัม ต่อ อาหาร  1  กิโลกรัม แบ่งให้อาหารผสมฮอร์โมนวันละ  5  ครั้ง  โดยสัปดาห์ที่  1  ให้อาหารประมาณ 50 กรัม/มื้อ สัปดาห์ที่  2  ให้อาหาร  80  กรัม/มื้อ  และสัปดาห์ที่  3  ให้อาหาร  100 กรัม/มื้อ  ใช้เวลาในการให้อาหารผสมฮอร์โมนเพื่อแปลงเพศปลา  21  วัน ทำการย้ายลูกปลานิลที่แปลงเพศเสร็จแล้วไปอนุบาลต่อในกระชังขนาด  5x8x1.2  เมตร  (1,250  ตัว / ตารางเมตร)  ให้อาหารเม็ดเล็ก  เปอร์เซ็นต์ โปรตีนไม่น้อยกว่าร้อยละ  38  ให้อาหาร  4  มื้อ  เป็นระยะเวลา  1  สัปดาห์  จะได้ลูกปลานิลแปลงเพศ ขนาด  2-3  เซนติเมตร
     นางศศิวิมล เปาลิวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดชลบุรี กล่าวต่อว่า ปลานิลเป็นสัตว์น้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญ  โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก มีเกษตรกรที่ประกอบอาชีพการเพาะเลี้ยงปลานิลเป็นจำนวนมาก  ซึ่งนอกจากศูนย์ฯ จะคอยให้คำปรึกษาแนะนำวิธีการเพาะเลี้ยง การดูแล และการป้องกันรักษาโรคของสัตว์น้ำแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรที่สนใจเข้ามาฝึกอบรมการแปลงเพศปลานิล เพื่อช่วยให้การเพาะเลี้ยงปลานิลในเชิงพาณิชย์ได้ผลผลิตที่ดีมากขึ้น นอกจากนั้น เกษตรกรบางรายยังนำวิธีการดังกล่าวไปใช้ในการผลิตลูกปลานิลแปลงเพศเพื่อจำหน่ายเป็นอาชีพได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันลูกปลานิลแปลงเพศจะเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างกว้างขวาง  และสำหรับเกษตรกรที่สนใจและต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำแนะนำการทำฟาร์มเพาะลูกปลานิลแปลงเพศ สามารถติดต่อ ได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดชลบุรี เลขที่ 44/1 ม.11 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
     นางศศิวิมล กล่าวอีกว่า เมื่อเร็วๆนี้ ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดชลบุรี ยังได้มีการนำพันธุ์ปลานิลแปลงเพศไปแจกให้กับเกษตรกร ภายใต้โครงการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ ซึ่งได้นำพันธุ์ปลา จำนวน 78,000 ตัว ไปแจกให้กับเกษตรกรในจังหวัดชลบุรี  รายละ 6,000 ตัว จำนวน 13 ราย ใน อ.พานทอง และ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ด้วย