สปน.จัดสัมมนาคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ในเขตจังหวัดพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก 
วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดสัมมนาคณะกรรมการธรรมาภิบาลในเขตจังหวัดพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกขึ้น ณ โรงแรมลองบีช การ์เด้น แอนด์ สปา จังหวัดชลบุรี โดยมีนายระพีพันธุ์ สริสวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด การจัดสัมมนาคณะกรรมการธรรมภิบาลจังหวัดในเขตจังหวัดพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกครั้งนี้เป็นการจัดสัมมนาครั้งสุดท้ายจากทั้งหมด 4 ครั้งใน 4 ภาคทั่วประเทศ โดยได้เริ่มต้นการจัดสัมมนาครั้งแรกที่ภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดขอนแก่น และภาคใต้จังหวัดสงขลา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาซึ่งเป็นประธาน เป็นกรรมการ และเป็นฝ่ายเลขานุการได้รับทราบเจตนารมณ์ของระเบียบ รับทราบบทบาท อำนาจหน้าที่ และคู่มือการปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ. การจัดสัมมนาในวันนี้ เป็นการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่7) พ.ศ.2550 ซึ่งได้มีการเพิ่มเติมมาตรา 55/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 โดยกำหนดให้จังหวัดหนึ่งมีคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขึ้นทุกจังหวัด ยกเว้น กรุงเทพมหานคร เรียกโดยย่อว่า “ก.ธ.จ.” เพื่อทำหน้าที่สอดส่องและเสนอแนะการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐในจังหวัด ให้ใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และเพื่อให้การตรวจสอบภาคประชาชนบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงได้ออกระเบียบสำนักนายกสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด พ.ศ.2552 ขึ้นระเบียบฯ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2552 และมีผลใช้บังคับนับแต่วันที่ 28 เมษายน 2552 เป็นต้นไป สำหรับการสัมมนาในวันนี้ ประกอบด้วยการบรรยายพิเศษใน 3 หัวข้อ คือ หัวข้อที่ 1เจตนารมณ์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด บทบาท อำนาจหน้าที่ ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด โดยมีนายมนุชญ์ วัฒนเมร กรรมการพัฒนาระบบราชการ เป็นวิทยากร หัวข้อที่ 2 การดำเนินภารกิจของ ก.ธ.จ. โดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยนายชั่งทอง โอกาศศิริวิทย์ รองหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวข้อสุดท้าย มุมมองการปฏิบัติงานในฐานะประธาน ก.ธ.จ. โดยนายธีรภัทร สันติเมทนีดล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ตรวจราชการที่ 17 เพื่อรับทราบถึงกรอบแนวทางและคู่มือในการปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่ของ กธจ คณะผู้จัดการสัมมนาได้เชิญวิทยากรจากสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีซึ่งเป็นผู้มีส่วนในการร่างคู่มือการปฏิบัติงานของ กธจ มาชี้แจงทำความเข้าใจในสาระสำคัญของคู่มือซึ่งจะใช้เป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงาน กธจ ต่อไปด้วย รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตอบข้อชัดถามเพื่อการปรับปรุงคู่มือการดำเนินงาน กธจ ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น นายระพีพันธุ์ สริสวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน(ฉบับที่7) พ.ศ.2550 มีผลใช้บังคับแล้ว สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะต้องแจ้งให้จังหวัด และอำเภอดำเนินการสรรหา ก.ธ.จ. ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่ระเบียบมีผลใช้บังคับ และบัดนี้ได้ดำเนินการสรรหา ก.ธ.จ. ของแต่ละจังหวัดทั้ง 75 จังหวัดเสร็จสิ้นแล้ว ยังคงมีบางจังหวัดที่ต้องมีการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเนื่องจากไม่สามารถสรรหา ก.ธ.จ. ได้ครบตามจำนวน และ หรือ ก.ธ.จ. ที่ได้รับการคัดเลือกบางรายขาดคุณสมบัติตามที่ระเบียบกำหนด โดยในส่วนของ ก.ธ.จ. เขตพื้นที่ภาคภาคกลางและภาคตะวันออก จำนวน 25 จังหวัดนี้ ปลัดสำนักนายรัฐมนตรีได้ลงนามรับรองประกาศรายชื่อ ก.ธ.จ. ของเขตพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกแล้ว จำนวน 21 จังหวัด ส่วนที่เหลืออีก 4 จังหวัดอยู่ในระหว่างดำเนินการสรรหา ก.ธ.จ. ให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามจำนวนที่ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กำหนดไว้ 


 |