สำรวจหลวงปู่หินอายุ300ปีวัดอ่างศิลา |
|
กรมศิลป์เข้าสำรวจหลวงปู่หินอายุ 300 ปีหน้าโบสถ์วัดอ่างที่หายจากวัด 
เจ้าหน้าที่กรมศิลปกรพร้อมชาวบ้านเดินทางสำรวจข้อเท็จจริง ที่หลวงปู่หินลอยน้ำอายุ 300กว่าปีหน้าโบสถ์วัดอ่างศิลาหายสาบสูญ หลังเจ้าอาวาสนำองค์ใหม่มาตั้งแทน จนชาวบ้านเสื่อมศรัทธา เร่งหาพระคู่โบสถ์องค์เดิมกลับมา เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ นายวิชัย ตันกิตติกร เจ้าหน้าที่กรมศิลปกร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี พร้อมคณะ ร่วมกับชาวบ้านได้เดินทางมาที่ วัดอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ. ชลบุรี เพื่อร่วม พิสูจน์หาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับพระพุทธรูปประจำหน้าโบสถ์หลังเก่าวัดอ่างศิลาที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอุโบสถ์หลวง ที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในการดูแลรักษา ของเจ้าหน้าที่กรมศิลป์ รวมทั้งพระคู่บารมีด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้น ชาวบ้านได้สงสัยว่า พระพุทธรูปหลวงปู่หินลอยน้ำ ที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ได้หายสาบสูญไปจากที่เดิม และมีการนำเอาองค์ใหม่ที่หล่อเลียนแบบมาวางแทนที่เดิม จนชาวบ้านแคลงใจว่าองค์เดิมอยู่ที่ไหนและโยกย้ายเพื่ออะไร เนื่องจากชาวบ้านได้นับถือสักการบูชาหลวงปู่หินประจำหน้าโบสถ์แห่งนี้มาตั้งแต่จำความได้ ครั้งขอพรสิ่งใดก็ได้สมปรารถนาทุกประการ หลังจากที่ หลวงพ่อพูลทรัพย์ มาเป็นเจ้าอาวาสแทนองค์เดิมที่มรณภาพ ก็ทำการโยกย้ายวัตถุสำคัญต่างๆออกนอกวัดบ้าง จากที่เดิมไปอยู่ที่ใหม่บ้าง ครั้งชาวบ้านแย้งก็ต่อว่าเป็นเรื่องของทางวัดโยมไม่เกี่ยว จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ จนชาวบ้านมารู้ที่หลังว่าหลวงพ่อพูลทรัพย์ได้โยกย้ายหลวงปู่หินพระคู่โบสถ์แห่งนี้ออกไปแล้วนำองค์ใหม่มาตั้งแทน โดยไม่แจงสาเหตุให้ใครทราบทั้งสิ้น บ้างก็บอกกับชาวบ้านว่าเป็นองค์เดิมที่มีการตบแต่งเพื่อความสวยงามโดยการนำทองมาทาให้ใหม่ แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านยืนยันกันเป็นเสียงเดียวว่า หลวงปู่หินที่อยู่หน้าโบสถ์ไม่ใช่องค์เดิม 100% เพราะชาวบ้านนำรูปถ่ายที่ครั้งยังเป็นหนุ่มเป็นสาวมายืนยันให้กับเจ้าหน้าที่ กรมศิลป์ดูอีกด้วย ส่วนหลวงพ่อพูลทรัพย์เจ้าอาวาสนั้นขณะนี้ก็ยังไม่กลับมาหลังจากที่มีเรื่องกับชาวบ้านกรณีแห่ไล่ศพของชาวบ้านไม่ให้นำมาตั้งสวดบำเพ็ญกุศลในวัด โดยมอบหมายให้พระลูกวัดดูแลแทนทั้งหมด ซึ่งพระลูกวัดได้บอกกับเจ้าหน้าที่กรมศิลป์ว่าหลวงพ่อไม่อยู่ไปที่ อ.เขาชะอางและไม่มีกำหนดกลับ จึงไม่สามารถที่จะนัดให้มาพบได้ ส่วนเจ้าหน้าที่กรมศิลป์ ได้พูดคุยกับชาวบ้านว่า โบราณสถานสิ่งใด ที่มีประวัติขึ้นกับกรมศิลป์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแล้ว ก็จะสูญหายไม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นหากชาวบ้านคนใดมีประวัตความเป็นมาหรือรูปภาพพระพุทธรูปที่หายไปก็นำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้ เพื่อจะได้นำไปประกอบเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญต่อไป. 



 |