ดาวเทียมไทยเตรียมพร้อมการพัฒนาสู่พื้นภาค ภูมิศาสตร์สนเทศ

     ศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศภาคตะวันออก จัดประชุมวิชาการดาวเทียมธีออส (THEOS : Thailand Earth Observation Satellite) เทคโนโลยีอวกาศของไทยเพื่อการพัฒนาภูมิสารสนเทศ

     รศ.อัฌชา  ก.บัวเกษร ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีของประเทศไทย มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวเทียมธีออส(THEOS : Thailand Earth Observation Satellite)  ซึ่งเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงแรกของไทย ได้ขึ้นสู่วงโคจร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในด้านภูมิสารสนเทศเพิ่มขึ้น อีกทั้งข้อมูลจากดาวเทียมธีออส ยังเป็นเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การเฝ้าระวังภัยพิบัติธรรมชาติด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ด้านเศรษฐกิจและสังคมและด้านสาธารณสุข

     สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ร่วมกับศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคเหนือตอนล่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร และภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงได้จัดประชุมวิชาการ “ดาวเทียมธีออส : เทคโนโลยีอวกาศของไทยเพื่อการพัฒนาภูมิสารสนเทศ” ขึ้น ในวันที่ 8-9  กันยายน 2552 ณ โรงแรมณุศา พลาญ่า โฮเต็ล แอนด์ สปา หาดจอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ทราบถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ รวมทั้งพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ อีกด้วย

     การจัดประชุมวิชาการครั้งนี้ มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง ดาวเทียมธีออส กับการพัฒนาภูมิสารสนเทศไทย ดาวเทียมธีออส เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น และมีการนำเสนอผลงานที่น่าสนใจหลายเรื่อง อาทิ ผลงานเรื่องการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์หาพื้นที่เหมาะสมของทำเลที่ตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในจังหวัดชุมพร การวิเคราะห์พื้นที่การปลูกยางพาราในลุ่มน้ำโขงด้วยข้อมูลดาวเทียม การประยุกต์ใช้ภูมิสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์เป็นต้น

     ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน นักวิชาการ นักวิจัย และบุคลากรจากสถาบันการศึกษา จากภาครัฐและเอกชน บุคลากร จากสำนักงานและหน่วยงานท้องถิ่น และผู้สนใจทั่วไป จำนวนทั้งสิ้น 250 คนทีเดียว.

ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน