ส.ป.ก.เดินหน้าพัฒนาพื้นที่ คทช.บ่อทอง จ.ชลบุรี ใช้ปาล์มน้ำมันสร้างรายได้ให้เกษตรกรเกือบ 7,000 บาทต่อเดือน

     วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2561 นายสุรจิตต์ อินทรชิต เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. เป็นประธานเปิดโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัด ณ พื้นที่แปลงหมายเลข 468 ตำบลพลวงทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี โดยมีนายอัครเดช เรียนหิน ปฏิรูปที่ดินจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ให้การต้อนรับ
     นายสุรจิตต์ อินทรชิต เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. เปิดเผยว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก.นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการจัดที่ดิน ตามโครงการจัดที่ดินให้ทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลในเขตปฏิรูปที่ดิน ณ พื้นที่แปลงหมายเลข 468 ตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี ตามนโยบายของรัฐบาลในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ในกรณีที่ 1 คือ ที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่มีเนื้อที่ตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป โดยผลการดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย สามารถยึดคืนพื้นที่มาดำเนินการจัดที่ดินตามโครงการจัดที่ดินทำกินฯจำนวน 2 แปลง ได้แก่ 1. แปลงหมายเลข 378 ตำบลเขาซก อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 569.75 ไร่ ซึ่งพื้นที่เดิมเป็นแปลงปลูกปาล์มน้ำมันทั้งหมด และ2. แปลงหมายเลข 468 ตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 535.27 ไร่ 
     โดยพื้นที่ที่มาศึกษาดูงานในวันนี้ คือ แปลงหมายเลข 468 ตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี จัดสรรให้เกษตรกร จำนวน 42 ราย ๆ ละ 6 ไร่ แบ่งเป็นแปลงเกษตรกรรม 5 ไร่ และแปลงที่อยู่อาศัย 1 ไร่ พื้นที่แปลงรวม 47 ไร่ 38 ตารางวา พื้นที่ส่วนกลาง 74 ไร่1 งาน 09 ตารางวา พื้นที่แหล่งน้ำ 125 ไร่ 76 ตารางวา และจัดตั้ง “สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินอำเภอบ่อทอง (คทช.) จำกัด” ซึ่งสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดชลบุรี ได้ดำเนินการจัดที่ดินแล้ว ในรูปแบบกลุ่มหรือสถาบันเกษตรกร มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคด้านต่างๆ มีความคืบหน้า ไปแล้วประมาณร้อยละ 67.6 สร้างบ้านให้เกษตรกรแล้ว 15 หลัง คาดดำเนินพัฒนางานโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดแล้วเสร็จภายในไม่เกินสิ้นปี 
     สำหรับการแปลงหมายเลข 468 นี้ สภาพดั้งเดิมก่อนที่ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน ได้ยึดคืนมาเป็นแปลงปลูกปาล์มน้ำมันทั้งหมด ปาล์มบางส่วนโตเต็มที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว แต่ได้โค่นต้นปาล์มเฉพาะในส่วนที่ทำการปรับเป็นแผลงที่อยู่อาศัยและพื้นที่สำหรับจัดสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ส่วนที่เป็นแปลงรวมและแปลงเกษตกรรมที่จัดให้เกษตรกรทำกินรายละ 5 ไร่ ยังคงเป็นสวนปาล์ม อีกทั้ง เมื่อใช้ระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริการจัดการเชิงรุกหรือ Agri-Map มาพิจารณา ปรากฏว่าพื้นที่มีความเหมาะสมในการปลูกปาล์มน้ำมัน คณะอนุกรรมการพัฒนาชีพ พิจารณาเห็นสมควรว่าให้คงปาล์มน้ำมันไว้เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เพราะในระหว่างการพัฒนาสาธารณูปโภค เกษตรกรยังไม่สามารถทำการเพาะปลูก ไม่มีรายได้ การตัดปาล์มน้ำมันขาย เป็นทางเลือกหนึ่ง ในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรประมาณ 4,000 – 7,000 บาทต่อเดือนต่อราย รวมทั้งเกษตรกรที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยบางส่วนได้ทำการเพาะปลูก มีรายได้จาการขายพืชผัก ประมาณวันละ 100 – 200 บาท ดังนั้น แนวทางการพัฒนาอาชีพในระยะแรก เกษตรกรมีรายได้หลักจากากรขายปาล์มน้ำมัน รายได้อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการทำเกษตรผลสมผสานตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงในแปลงที่อยู่อาศัย 1 ไร่ และในระยะต่อไป สำนักงานปฏิรูปที่ดิน ได้พยายามผลักดันให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนอีกด้วย

ปริญญา/ข่าว/ภาพ