|
ตำรวจศรีราชารวบ 2 คนร้ายลักขโมยตัดสายไฟฟ้าได้ทันควันในบ้านเช่าพบของกลางอุปกรณ์คีมตัดสายไฟและสายไฟฟ้าที่ขโมยตัดมากว่า500 เมตรวางอยู่สารภาพหาเงินเลี้ยงลูก 
เมื่อเวลา03.20 น.( 3 ต.ค.52) ดาบตำรวจชัชภิมุข พงษ์พจน์พิพัฒน์ หัวหน้าที่พักสายตรวจนาพร้าว อ.ศรีราชา ได้รับแจ้งจากนายประพจน์ เกตุวงษา อายุ 37 ปีว่าได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ได้ลักลอบเข้าไปตัดสายไฟฟ้าที่บริเวณหน้าห้องแถวเลขที่ 155/39 หมู่7 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชาซึ่งมีอยู่จำนวน 20 ห้อง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามกับบ้านของตน ซึ่งห้องแถวดังกล่าวเพิ่งสร้างเสร็จเตรียมเปิดให้เช่าซึ่งสายไฟฟ้าที่คนร้ายลักตัดไปนั้นประมาณ 500 เมตรและได้ติดตามพบว่าคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์นำสายไฟฟ้าไปที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่หมู่ 5 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชาให้ทางตำรวจไปทำการจับกุมตัวด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่บริเวณห้องเช่าดังกล่าวตามที่ผู้เสียหายได้แจ้งไว้ ซึ่งคนร้ายทั้ง 2 คนเมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พากันวิ่งหลบหนีแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดตามจับกุมตัวได้ทั้ง 2 คนซึ่งคนร้ายก็ถูกชาวบ้านที่ช่วยจับกุมรุมประชาทัณฑ์จนบาดเจ็บที่ใบหน้า และพบสายไฟฟ้าสีดำภายในเป็นเส้นลวดอลูมิเนียมยาวประมาณ 500 เมตรขดเป็นม้วน เหล็กปีนเสาไฟฟ้า 3 แท่ง คีมตัดสายไฟฟ้า 1 อัน มีดคัตเตอร์ 1 อัน พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิกสีส้มหมายเลขทัเบียน งธล-833 ชลบุรี ที่ใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ หลังจากนั้นจึงนำตัวคนร้ายทั้ง 2 คนมาทำการสอบสวน ก็ทราบว่าชื่อนายธงชัย พิทักษ์สิน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 206/7 หมู่ 10 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชาซึ่งบาดเจ็บ และเพื่อนร่วมแก๊งอีกคนคือนายคารม ผุดผ่อง อายุ 20 ปี ทั้ง 2 คนเป็นช่างไฟฟ้าและช่างเชื่อมเหล็ก โดยนายธงชัย หัวหน้าแก๊งได้รับสารภาพว่าได้ร่วมกันลักโขมยตัดสายไฟฟ้ามาหลายครั้งแล้วนำไปขายพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัวและเลี้ยงดูลูกสาว วัย 4 ปี ที่ภรรยาได้ทิ้งไว้ให้เลี้ยงดูเนื่องจากเงินรายได้ที่ทำงานไม่พอเลี้ยงครอบครัวเนื่องจากช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีไม่ค่อยมีคนจ้างงานจึงตัดสินใจก่อเหตุลักโขมยสายไฟฟ้าเพื่อมาปอกเปลือกเอาอลูมิเนียมไปขายดังกล่าว ซึ่งค่าความเสียหายในครั้งนี้มูลค่ากว่า 30,000 บาท หลังจากนั้นทางตำรวจจึงได้ตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.ศรีราชาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป 2009-10-03 
|
