7 หน่วยงาน จัดบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สนับสนุนเขตเศรษฐกิจระเบียงตะวันออก |
|
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นประธานในการสาธิตเฮลิคอปเตอร์การแพทย์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ป่วยอุบัติเหตุบนทางหลวงพิเศษ ที่ ด่านเก็บค่าผ่านทางหลวงพิเศษหนองขาม จังหวัดชลบุรี
วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562 ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นประธานในการสาธิตเฮลิคอปเตอร์การแพทย์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ป่วยอุบัติเหตุบนทางหลวงพิเศษ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กรมทางหลวง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ตำรวจทางหลวง กองบินตำรวจ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการจำกัด(มหาชน) เข้าร่วมกว่า 250 คน ที่ ด่านเก็บค่าผ่านทางหลวงพิเศษหนองขาม จังหวัดชลบุรี กระทรวงสาธารณสุขจับมือ 7 หน่วยงาน จัดบริการการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศบนทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ - แหลมฉบัง รองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน อุบัติเหตุ ลดเวลาเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ สนับสนุนเขตการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC เพื่อเตรียมความพร้อมในการประสานงานการบริหารจัดการเหตุการณ์ขึ้น รวมถึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลได้มีโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ทำให้มีการใช้เส้นทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-แหลมฉบัง มากขึ้น ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุจากการใข้รถด้วยความเร็วรถสูง กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมกับกระทรวงคมนาคม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการจำกัด(มหาชน) เพิ่มศักยภาพการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้บาดเจ็บทางอากาศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทยแก่นักท่องเที่ยว นักลงทุน และสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ EEC ซึ่งครั้งนี้เป็นการซักซ้อมความเข้าใจในกระบวนการปฏิบัติงาน การวางแผนการเข้าจุดเกิดเหตุโดยเฮลิคอปเตอร์พร้อมทีมแพทย์ร่วมกับรถฉุกเฉินในพื้นที่ โดยแผนการดำเนินงานระยะต่อไปจะร่วมกับกรมทางหลวง เปิดช่องทางพิเศษเป็นระยะเพื่อง่ายต่อการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ “ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้ทีมแพทย์ฉุกเฉินเข้าถึงผู้ป่วยและผู้ประสบอุบัติเหตุได้รวดเร็วขึ้น ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ด้วยการลำเลียงทางอากาศ ช่วยแก้ปัญหารถกู้ชีพเข้าถึงจุดเกิดเหตุยาก จะช่วยลดการตาย ความพิการจากอุบัติเหตุได้” ดร.สาธิตกล่าว ด้านเรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ สพฉ. กล่าวว่า สพฉ. ได้จัดระบบการช่วยเหลือและนำส่งผู้ป่วยด้วยอากาศยาน (Thai Sky doctor) ได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2553 เพื่อช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือเข้าถึงยาก ซึ่งปีงบประมาณ 2562 ที่ผ่านมา มีปฏิบัติการ Sky doctor 59 ครั้ง ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน 66 ราย สำหรับพื้นที่ EEC มีอัตราการเจ็บป่วยฉุกเฉินและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรสูงที่สุดในประเทศ โดยเฉพาะบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก จึงจัดให้มีการช่วยเหลือสาธิตโดยใช้ทีมฉุกเฉินจากกรมทางหลวง โรงพยาบาลชลบุรี และมูลนิธิในพื้นที่ ร่วมกับเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจ และบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการจำกัด(มหาชน) โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย แก้ไขระเบียบด้านการบินให้การบินเพื่อการแพทย์ฉุกเฉิน อำนวยความสะดวกให้ลงจอดนอกสนามบิน เป็นการลดระยะเวลาและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้ผู้ป่วยฉุกเฉิน ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือน แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ออกประกาศ เรื่อง ข้อกำหนดการเดินอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ของผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Helicopter Operations Requirements) พ.ศ. 2562 เพื่อให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล ด้านบุคลากร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้บุคคลที่สาม ผู้ได้รับบาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วยความปลอดภัยสูงสุด มีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคม 2563 โดยสามารถรับ-ส่ง ขึ้น-ลง นอกเขตสนามบิน เพื่อให้เข้าใกล้จุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ และโครงการนำร่องในเขตพื้นที่ EEC นี้ เป็นต้นแบบสำหรับการประยุกต์ใช้กับทางหลวงและพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไปในอนาคต ปริญญา/ข่าว/ภาพ |