สรุปผลการวิจัย ผลกระทบต่อภารกิจและบทบาทของวัดในสถานการณ์โควิด-19 |
|
มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยร่วมกับสถาบันและหน่วยงานรวม 34 แห่ง ประชุมออนไลน์สรุปผลการวิจัยเรื่อง ผลกระทบต่อภารกิจและบทบาทของวัดในสถานการณ์โควิด-19
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกับ สถาบันและหน่วยงานรวม 34 แห่ง ร่วมประชุมออนไลน์สรุปผลกระทบที่มีต่อวัดจากสถานการณ์โควิด 19 ด้วยการระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อต้นปี ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ไม่เฉพาะประชาชน แต่กระทบพระสงฆ์ด้วย ในเบื้องต้น พระจึงต้องป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อโดยการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่าง ๆ จึงส่งผลกระทบต่อภารกิจของวัดด้วย เพราะเหตุนี้ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันและหน่วยงานรวม 34 แห่ง จากทุกภาคทั่วประเทศ จึงได้ดำเนินการวิจัยแบบเร่งด่วน เรื่อง “ผลกระทบต่อภารกิจและบทบาทของวัดในสถานการณ์โควิด-19” โดยมีพระเทพปวรเมธี ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี, รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รักษาการเจ้าอาวาสวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ประธานคณะกรรมการประสานงานแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา เป็นประธานที่ปรึกษาโครงการ และ ผศ.ดร.มนตรี วิวาห์สุข ประธานหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบันฑิต และประธานสาขาวิชาไทยศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นผู้อำนวยการโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีต่อภารกิจของวัด เพื่อศึกษาบทบาทของวัดในสถานการณ์ดังกล่าว และเพื่อศึกษาแนวทางที่รัฐบาลควรดำเนินการเกี่ยวกับวัดในสถานการณ์โควิด-19 โดยเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์จากวัดทั่วประเทศเป็นเวลา 10 วัน มีวัดตอบแบบสอบถามจำนวน 2,986 วัด โดยผลการวิจัยเบื้องต้นผ่านระบบออนไลน์ (Zoom) มีดังนี้ 1. ผลกระทบต่อภารกิจของวัด 6 ด้าน คือ 1) สาธารณูปการ เช่น การก่อสร้างและการบูรณปฏิสังขรณ์วัด 2) การปกครอง เช่น การประชุมทำกิจสงฆ์ 3) ศาสนศึกษา เช่น การเรียนของพระภิกษุสามเณรทั้งภายในและนอกวัด 4) การเผยแผ่ เช่น การจัดปฏิบัติธรรมวันมาฆบูชา การจัดประเพณีสงกรานต์ 5) ศึกษาสงเคราะห์ เช่น การให้ทุนแก่นักเรียน และ 6) สาธารณสงเคราะห์ เช่น การช่วยเหลือญาติโยมด้านต่าง ๆ โดยภาพรวม วัดส่วนใหญ่ได้งดดำเนินภารกิจเพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 2. บทบาทเด่นของวัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน คือ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลและกฏระเบียบที่ออกโดยภาครัฐ และคณะสงฆ์เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 และการนำอาหารหรือปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีพไปมอบให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ 3. ข้อเสนอที่สำคัญต่อรัฐบาล คือ 1) รัฐควรช่วยเหลือวัดเช่นเดียวกับผู้ได้รับผลกระทบทั่วไปเพราะการติดเชื้อไม่มียกเว้นผู้ใด เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เครื่องวัดอุณหภูมิ อาหารและน้ำดื่ม เพราะบางพื้นที่พระงดบิณฑบาต และไม่มีโยมไปทำบุญที่วัด 2) ถวายความรู้ เช่น มีเจ้าหน้าที่ไปแนะนำให้สอดคล้องกับกิจวัตรของสงฆ์ เพราะวัดในบางพื้นที่ไม่มีสื่อที่จะรับข่าวสารอย่างครบถ้วน 3) สนับสนุนปัจจัยที่จำเป็นเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือแบบ “บวร” ระหว่างบ้าน วัด และโรงเรียนหรือราชการ เพราะวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนจะทำให้ประชาชนมีขวัญและกำลังใจ ไม่เครียดมาก และ 4) ควรผ่อนปรนให้สามารถจัดศาสนพิธีที่สำคัญได้ตามความเหมาะสมเพราะการระบาดของไวรัสในแต่ละพื้นที่ต่างกัน 4. ความเห็นอื่น ๆ คือ รัฐบาลควรดูแลประชาชนให้ดีและทั่วถึงเพราะเมื่อประชาชนไม่เดือดร้อนวัดก็อยู่ได้ ทั้งนี้ เรื่องที่เร่งด่วนที่สุด คือ การลดหรืองดเก็บค่าน้ำค่าไฟฟ้า เพราะญาติโยมกำลังลำบากไม่มีเงินบริจาคและกลัวการเดินทางไปวัดด้วย ทำให้วัดไม่มีปัจจัยที่จะจ่ายค่าน้ำค่าไฟฟ้า หากรัฐบาลช่วยได้จะทำให้วัดเผยแพร่ธรรมออกไปเยียวยาจิตใจของญาติโยมได้อย่างเต็มที่ |