ทลฉ.แจง ไม่มีการจัดเก็บสินค้าอันตรายในพื้นที่คลังสินค้า |
|
ท่าเรือแหลมฉบัง แจงผู้ใช้บริการ ประชาชนทั่ว ไปมั่นใจได้ว่า ท่าเรือแหลมฉบังและไม่มีการจัดเก็บ แอมโมเนียมไนเตรต หรือ สินค้าอันตราย ในพื้นที่คลังสินค้าในปัจจุบัน
กองการท่าเรือ ท่าเรือแหลมฉบัง แจ้งว่า จากที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดในที่เกิดขึ้นในท่าเรือเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อคืนวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น โดยสื่อหลายสำนักรายงานถึงต้นเหตุความเสียหายรุนแรงไปที่แอมโมเนียมไนเตรตจำนวนกว่า 2,500 ตัน ทำให้เกิดความกังวลสำหรับการจัดเก็บสินค้าอันตรายในท่าเรือแหลมฉบัง นั้น ตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันค้าอันตรายที่ ท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. 2559 ได้จำแนกสินค้าอันตรายออกเป็น 3 กลุ่ม ตามระดับความเสี่ยงดังนี้ กลุ่มที่ 1 กลุ่มความเสี่ยงสูงมาก ไม่อนุญาตให้ทำการขนถ่ายหรือบรรทุกลงเรือภายในอาณาบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง กลุ่มที่ 2 กลุ่มความเสี่ยงสูง ให้ทำการขนถ่ายในท่าเรือแหลมฉบังได้ แต่ไม่รับฝากเก็บ หรือวางพักหน้าท่าเทียบเรือ ต้องนำออกจากอาณาบริเวณท่าเรือแหลมฉบังทันทีที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือ หรือบรรทุกลงเรือโดยตรง กลุ่มที่ 3 กลุ่มความเสี่ยงต่ำ ให้ทำการขนถ่ายหรือทำการบรรจุตู้สินค้าในเขตท่าเรือแหลมฉบังได้ โดยต้องนำมาฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายเท่านั้น สำหรับแอมโมเนียมไนเตรตซึ่งมีความเสี่ยงแต่ละประเภทต่างกันจึงถูกจัดอยู่ได้ทั้ง 3 กลุ่มดังนี้ กลุ่มที่ 1 ได้แก่ Class 1.1D, UN0222, AMMONIUM NITRATE (วัตถุระเบิด) ให้ทำการขนถ่ายในท่าเรือแหลมฉบังได้ แต่ไม่รับฝากเก็บ หรือวางพักหน้าท่าเทียบเรือ ต้องนำออกจากอาณาบริเวณท่าเรือแหลมฉบังทันทีที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือ หรือบรรทุกลงเรือโดยตรง กลุ่มที่ 2 ได้แก่ แอมโมเนียมไนเตรตที่เป็น Class 5.1 UN1942, UN2067, UN3375 และ Class 9, UN2071, AMMONIUM NITRATE BASED FERTILIZER สามารถขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบังได้ โดยต้องนำมาฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายเท่านั้น ทั้งนี้ แอมโมเนียม ไนเตรต มีนำเข้ามาฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตราย ของบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (มหาชน) จำกัด) และได้ดำเนินพิธีการนำออกจากพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังเรียบร้อยแล้ว และไม่มีจัดเก็บในพื้นที่คลังสินค้าอันตรายในปัจจุบัน ท่าเรือแหลมฉบังขอให้ผู้ใช้บริการ ประชาชนทั่วไปมั่นใจได้ว่า ท่าเรือแหลมฉบัง ได้จัดเก็บถูกต้องตามมาตรฐานที่องค์กรขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ กรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆกำหนด อย่างถูกต้องและปลอดภัยแล้ว |