|
พี่สาวทายาทดาราดังรุ่นใหญ่ ตระกูล “บุญนาค” โร่แจ้ง ตร.เมืองพัทยา สงสัย น้องชายวัย 51 ปี ถูกโจรรุมทำร้ายชิงทรัพย์หมดตัวกว่าแสนบาท อาการสาหัส นอนห้องไอซียู ด้าน ตร.ยังไม่ระบุได้ว่า หน้ามืดล้มก่อนโดนมือดีฉวยโอกาสปลดทรัย์ หรือถูกโจรทำร้ายชิงทรัพย์ ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง 
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 25 ต.ค.52 พ.ต.ท.ชัชชัย ศรีสุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก นางธัญดิษฐ์ ฉลาดกิตศิริกุล อายุ 52 ปี มีบ้านพักอยู่ในเขตุกรุงเทพมหานคร ว่าทราบจากแพทย์ทาง รพ.พัทยาเมโมเรียล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แจ้งว่าผู้เป็นน้องชาย ชื่อนายชดิศพันธุ์ บุญนาค อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ถ.เทศบาลนิมิตรเหนือ ซอย 28 แขวงลาดยาว กรุงเทพมหานคร อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง และยังเป็นทายาทของอดีตดารารุ่นเก่าชื่อดังตระกูล “บุญนาค” ได้ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้ารักษาตัวอยู่ในห้อง ไอซียู ของ รพ.พัทยาเมโมเรียล ตังแต่เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 24 ต.ค. 52 ที่ผ่านมา โดย นางธัญดิษฐ์ แจ้งว่าสงสัยว่าน้องชายถูกโจรทำร้ายและทรัพย์ สินไปเนื่องจากทรัพย์สินหายไปจนหมดตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปร่วมตรวจสอบทันที โดยจากการตรวจสอบก็พบว่าแพทย์ได้นำตัว นายชดิศพันธุ์ นอนรักษาและดูอาการอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจากบาดเจ็บหนัก โดยมีบาดแผล แตกที่หน้าผาก เย็บ 10เข็ม จมูกหัก และขอบตาขาวเขียวช้ำ ยังอยู่ในอาการเบลอให้การไม่ได้มากนักแต่ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว ซึ่งจากการสอบถาม นายชิดศพันธุ์ พอให้การจับใจควงามได้ว่า ตนได้นั่งรถทัวร์โดยสารเดินทางออมาจากกรุงเทพมหานคร มายังเมืองพัทยาเพื่อมาร่วมงานศพเพื่อน แต่เมื่อมาถึงเมืองพัทยา เวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 24 ต.ค. 52 ก็ได้นั่งรถรับจ้างต่อเพื่อแวะมาหาเพื่อนสนิทที่พักอยู่ใน หมู่บ้าน จอมเทียนนิเวศน์ ถนนทัพพระยา ม.11 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หวังจะให้เพื่อนพาไปงานศพ โดยได้เดินเข้าไปมาท้ายซอยหมู่บ้านจอมเทียนนิเวศน์ เพียงลำพังเพื่อไปยังบ้านของเพื่อน แต่ก็ยังไม่ถึงบ้านของเพื่อน ตนก็เกิดอาการหน้ามืดเนื่องจากอากาศร้อนและยังมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานจึงเป็นลมหมดสติไปโดยไมรู้ตัว จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ใน รพ.พัทยาเมโมเรียล ว่าทรัพย์สินในตัวที่นำมาด้วย ทั้งกระเป๋าเงินซึ่งมีเงินสดประมาณ 1 หมื่นบาท แหวนทองฝังเพชรอีก 4 วง รวมทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่ากว่า 1 แสนบาท หายไปหมดตัว ไม่ทราบว่าถูกใครเอาไป สงสัยว่าตัวเองเกิดโรคประจำตัวกำเริบจนล้มสลบที่พื้นก่อนจะถูกผู้ฉวยโอกาสปลดทรัพย์หรือถูกคนร้ายก่อเหตุทำร้ายจนสลบ แล้วชิงเอาทรัพย์ไปจนหมดตัว พอฟื้นสติขึ้นก็ให้แพทย์ แจ้งพี่สาวให้ทราบเรื่องพร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเหลือสืบสวนติดตามหาทรัพย์สินที่หายไป ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกปากคำผู้เสียไว้ป็นหลักฐาน ก่อนนำกำลังไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุทันทีเพื่อหาร่องรอยหลักฐานและสอบสวนพยานแวดล้อมบริเวณจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด แต่ก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ และจากการสอบถามจนทราบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีบ้านใกล้เคียงจุดเกิดเหตุาได้เห็น ผู้เสียหายนอนสลบอยู่ในซอย จึงช่วยเหลือพาปฐมพยาบาลให้เบื้องต้น ก่อนที่จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยานำตัวผู้บาดเจ็บส่งไป รพ.พัทยาเมโมเรียล เพื่อให้แพทย์รักษา โดยไม่ทราบว่าผู้บาดเจ็บได้ถูกคนร้ายทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์หรือหน้ามืดล้มเองจนสลบไปทำให้คนร้ายปลดเอาทรัพย์สินไปจนหมดตัว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขอความร่วมมือกับชาวบ้านที่ติดกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคยงจุดเกิดเหตุเพื่อหาข้อมูลและเบาะแสที่จะนำไปสู่การติดตามตัวคนร้ายหรือมือดีที่ก่อเหตุนำทรัพย์สิงของผู้เสียหายไป อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถสรุปแน่สาเหตุได้ชัดได้ว่าผู้เสียหายถูกคนร้ายก่อเหตุทำร้ายร่างกายก่อนชิงทรัพย์หรือเป็นการหน้ามืดล้มไปก่อนที่จะมีผู้ผ่านมาเห็นก่อเหตุปลดทรัพย์สินไป เนื่องจากผู้เสียหายนั้นไมสามารถจำเหตุการณ์ใดได้ก่อนที่จะสลบไปและฟื้นขึ้นอีกทีก็ได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนพักฟื้นอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งตำรวจจะต้องสอบปากคำผู้เสียหายให้แน่ชัดอีกครั้งหลังอาการดีขึ้น เพื่อดำเนินการสืบหาสาเหตุที่แท้จริงและตามหาเบาะแสของทรัพย์สินที่ของผู้เสียหายมที่ถูกก่อเหตุไปกลับคืน ... นิราช ทิพย์ศรี ภาพ / ข่าว 2009-10-25 
|
