3 หน่วยงานร่วมกันจับบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่า 11 ล้านบาท
กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันตรวจยึดจับกุม สินค้าต้องห้ามนำเข้า ประเภท ‘บุหรี่ไฟฟ้า” จำนวน 47,495 ชิ้น มูลค่าของกลางกว่า 11 ล้านบาท โดยลักลอบนำเข้ามาจากประเทศจีน ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง โดยผสมมากับสินค้าประเภทโชว์ห่วย วันนี้ (24 ธันวาคม 2567) พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ. อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร แถลงการตรวจยึดจับกุมสินค้าต้องห้ามนำเข้า ประเภท ‘บุหรี่ไฟฟ้า” จำนวน 47,495 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางกว่า 11 ล้านบาท สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 กรมศุลกากร โดย สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม สคศ., ฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 สบศ.1, กองสืบสวนและปราบปราม ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม 3 สปป.1 กสป. ปฏิบัติการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการตรวจสอบ ตู้สินค้าต้องสงสัย 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยกรมศุลกากรได้รับการประสานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าอาจมีการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าอื่นประเภทโชว์ห่วย ซึ่งตู้สินค้าดังกล่าว มีเมืองกำเนิดประเทศจีน จึงได้ทำการอายัดตู้สินค้าเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด จากการตรวจสอบพบ “บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง จำนวนกว่า 47,495 ชิ้น” มูลค่าของกลางกว่า 11 ล้านบาท ทั้งนี้บุหรี่ไฟฟ้าจัดเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2557 จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของดังกล่าวเป็นของกลางส่งสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป กรณีนี้เป็นความผิดตามมาตรา 202 ประกอบมาตรา 252 และมาตรา 244 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 โดยตลอดปี 2567 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับของต้องห้ามประเภทบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว 9 ราย รวมจำนวนของกลาง 58,960 ชิ้น มูลค่าของกลางรวมกว่า 11.9 ล้านบาท |