ฆ่าเขมรคาวงเหล้าเหตุจับวิศวกรไทย |
|
คนไทยยั๊วเขมรเรื่องจับวิศวกรชาวไทยไปคุมขังกลางวงเหล้าคว้าขวานฟันเขมรคนงานกรีดยางยับดับคาห้องพัก
เมื่อเวลา00.40 น. ( 20 พ.ย.52) พ.ต.ท.ประพันธ์ วังคะออม สารวัตรเวรสภ.หนองขาม อ.ศรีราชา รับแจ้งเหตุจากหน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา ว่ามีเหตุใช้ของมีคมฟันกันและมีผู้เสียชีวิตที่บ้านพักคนงานบริษัทศรีมหาราชา หมู่ 6 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังทราบเหตุจึงได้รายงานให้พ.ต.ท.เจษฏา สวยสม สวญ.สภ.หนองขาม พ.ต.ต.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี สวป. พ.ต.ต.เอนก บุตรอินทร์ สว.สส. ทราบพร้อมร่วมเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุเป็นห้องพักคนงานกรีดยางชั้นเดียวจำนวน 3 ห้อง ห้องที่เกิดเหตุเป็นห้องที่2 พบศพนายเดี้ยง อายุประมาณ 40 ปี ชาวเขมร นอนหงายเสียชีวิตที่บริเวณหน้าห้องนอน เลือดไหลนองกองเต็มพื้นหน้าห้อง โดยสภาพศพนั้นถูกของมีคมฟันที่โหนกแก้มซ้ายเป็นแผลลึก และที่ไหลซ้าย และ จากการตรวจค้นภายในห้องพักห้องแรกพบขวานเปื้อนเลือดวางทับด้วยถุงกระดาษที่บริเวณหลังห้องดังกล่าวและมีรอยเลือดเข้ามาภายในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนนายไกรสร นามนนท์ อายุ 47 ปี คนงานกรีดยางที่พักที่ห้องแรกได้ให้การว่าผู้ที่ก่อเหตุคือนายศิลป์ชัย นามนนท์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่55หมู่ 11 ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม และเป็นน้องชายของตนเองทำงานกรีดยางด้วยกัน ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้นน้องชายตนเองได้จุดเทียนนั่งดื่มสุราขาวกับนายเดี้ยงซึ่งเป็นคนงานกรีดยาง ในห้องพักผู้ตาย ส่วนตนเองนั้นได้นอนพักผ่อนอยู่ภายในห้องแรก หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงน้องชายตนเองมีปากเสียงกับนายเดี้ยง ผู้ตายเรื่องที่ทางประเทศกัมพูชาจับวิศวกรคนไทยคุมขังไว้ ซึ่งนายเดี้ยงก็เถียงว่าแล้วจะทำไมรัฐบาลกัมพูชาได้ สักพักก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของผู้ตายออกมาจากห้องพักตนเองก็ไม่สนใจ และมาได้ยินอีกทีคือเสียงวิ่งของน้องชายมาที่หลังห้องแล้วรีบเก็บเสื้อผ้าออกจากห้องที่ได้พักกับตนเองแล้วบอกว่าจะเดินทางกลับบ้านสักพักหลังจากนั้นก็ได้เดินไปที่ห้องเกิดเหตุก็พบว่านายเดี้ยงถูกฟันจนเสียชีวิตที่หน้าห้องแล้ว จึงได้แจ้งตำรวจดังกล่าว และทางชุดสืบสวนสภ.หนองขามก็ออกติดตามนายศิลป์ชัยผู้ก่อเหตุในครั้งนี้อย่างเร่งด่วนซึ่งคาดว่ายังหลบหนีไปไม่ไกล ส่วนศพผู้เสียชีวิตนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้หน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชานำส่งโรงพยาบาลอ่าวอุดมเพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรหาสาเหตุการตายอีกครั้ง 2009-11-21 |