ชาวบ้านชุมชนแหลมฉบังเก่ากว่า 200 ครอบครัวอพยพไปพักที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เทศบาลตำบลแหลมฉบังตั้งขึ้นที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดมหลังผู้ว่าชลประกาศให้บริเวณรอบที่เกิดเหตุสารเคมีรั่วเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ

     ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ( 26 พ.ย.52) ที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดม เขตเทศบาลตำบลแหลมฉบัง อ.ศรีราชา ชาวบ้านในชุมชนแหลมฉบังเก่ากว่า 200 ครอบครัวอพยพออกนอกพื้นที่หลังพบว่าสารเคมีที่รั่วดังกล่าวยังส่งกลิ่นเหม็นไม่หมดไปจากพื้นที่ทำให้ผู้ที่สูดกลิ่นเข้าไปนั้นวิงเวียนศรีษะ อาเจียน มีเลือดกำเดาไหล และมีผื่นขึ้นที่บริเวณใบหน้าและลำตัว ซึ่งทางผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง และทางท่าเรือบี 3 ยังออกมาให้ข้อมูลไม่ชัดเจน แถมยังแจ้งว่าได้ทำลายสารเคมีไปหมดแล้วให้ชาวบ้านสบายใจได้ แต่ก็ยังมีชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีอาการเจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีผู้สูงอายุที่สูดกลิ่นของสารเคมีดังกล่าวและเกิดเป็นลมแน่นหน้าอก หลังทางทางแพทย์นำส่งโรงพยาบาลก็ไปเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลอ่าวอุดม เมื่อช่วงเย็น ซึ่งทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว จึงได้พากันนำรถส่วนตัวส่วนผู้ที่ไม่มีรถทางหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชาก็จะนำรถไปรับมาส่งที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ทางเทศบาลตำบลแหลมฉบังได้ตั้งขึ้นที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดม หลังจากที่ทางนายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ชลบุรี ได้ประกาศให้บริเวณรอบที่เกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ซึ่งทางเทศบาลตำบลแหลมฉบังโดยนายบุญเลิศ น้อมศิลป์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแหลมฉบังก็ได้สั่งการให้กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจัดหาอาหารการกินรวมทั้งน้ำดื่มรวมทั้งเครื่องอำนวยความสะดวกเสื่อและหมอนมาให้ประชาชนที่พากันเดินทางเข้ามาพักอาศัยที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเนื่องจากกลัวความไม่ปลอดภัยจากสารเคมีตัวดังกล่าว และยังจัดเจ้าหน้าที่ของกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมร่วมกับทางแพทย์และพยาบาลตรวจสุขภาพแก่ประชาชนที่มาพักอาศัยในศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งแจกแมทปิดปากและจมูกแก่ประชาชนทั้งหมดไว้ใช้คาดเพื่อป้องกันกลิ่นสารเคมีดังกล่าว ซึ่งทางเทศบาลแหลมฉบังกล่าวว่าซึ่งถ้าประชาชนท่านใดไม่สบายใจกลัวไม่ปลอดภัยในระยะนี้ก็สามารถพักอาศัยต่อไปได้อีกระยะหนึ่งโดยทางเทศบาลจะอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง

2009-11-27