รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุสารพิษรัวไหล บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเทียบเรือ บี 3 พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมด้วยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเทศบาลตำบลแหลมบัง
เมื่อเวลา 14.00 น. ( 27 พ.ย.52) นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การเดินทางมาที่ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อลงมาดูพื้นที่สารเคมีรั่วไหลที่ท่าเทียบเรือ B3 ในท่าเรือแหลมฉบังในครั้งนี้ เพื่อมาบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานในพื้นที่ ประกอบด้วย การท่าเรือแหลมฉบัง, เทศบาลตำบลแหลมฉบัง ได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นไปแล้วบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยเหลือในระดับหนึ่งแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นยังได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่และประชาชนทั่วประเทศ ที่สำคัญประชาชนยังตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และขณะนี้ยังมีผู้ได้รับผลกระทบนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 2 คน และผู้ที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับการดูแลจากการท่าเรือแหลมฉบังกว่า 200 ครัวเรือน ครอบครัวละ 5,000 บาทจากรายงานผลของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าสารเคมีที่กระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศ เริ่มเจือจางและหากได้มีน้ำไปช่วยก็จะเจือจางและหายไปในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามหากประชาชนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่สบาย และอ่อนแอ ก็อาจได้รับผลมากกว่าคนปกติ เท่านั้น และจากกรณีที่ นางนิภา ฮวดเฮง ประชาชนหมู่บ้านแหลมฉบังเก่า กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การท่าเรือแหลมฉบัง ควรมีสัญญานเตือนภัยแจ้งให้ประชาชนบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงได้รับทราบในทันที ว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบัง โดยไม่ใช่ปล่อยให้เหตุการณ์มีความรุนแรงจึงเพิ่งมาแจ้งให้ทราบว่ามีสารเคมีอันตรายรั่วออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ทางเราพร้อมจะนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น ด้าน นายสุเมธา วิเชียรเพชร ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการฉุกเฉินและฟื้นฟู ของกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า สารดังกล่าว คือ สารโซเดียมเปอร์ซัลเฟต ลักษณะเป็นผง เป็นส่วนผสมของสารฟอกย้อมสีผม นำเข้าจากเยอรมนี เต็มตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ของบริษัท yamahatsu (Thailland) สำหรับสาเหตุการรั่วไหล เกิดจากถุงที่บรรจุแตกและผงตกลงไปบนพื้น และพื้นตู้คอนเทนเนอร์เป็นไม้ ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติคือ ถ้าออกมานอกถุงถ้าทำปฏิกิริยากับความชื้น สูงมากจะกลายเป็นกรด พอโดนไม้ที่มีความชื้นสูง จึงเกิดการลุกไหม้ ทำให้ถุงพลาสติกติดเชื้อเพลิงต่อ และลุกลามไปเรื่อยการดับทำได้ยาก เพราะโดนน้ำไม่ได้ และเมื่อเปิดตู้มามีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า ซึ่งหลังจากนั้น นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.กระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายบุญเลิศ น้อมศิลป์ นายกเทศมนตรีตำบลแหลมฉบังพร้อมด้วยคณะผู้บริหารการท่าเรือแห่งประเทศไทย ผู้บริหารท่าเทียบเรือบี3 ได้นำผู้นำชุมชนชุมชนแหลมฉบังเก่าและตัวแทนชุมชนเดินทางเข้าไปดูพื้นที่เกิดเหตุสารเคมีที่รั่วไหลในท่าเทียบเรือบี3 ว่าได้ทำการกำจัดสารเคมีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวแทนชุมชนแหลมฉบังเก่ารู้สึกพอใจที่ได้เข้าไปดูพื้นที่ดังกล่าว ด้านแหล่งข่าวจากท่าเทียบเรือ บี3 กล่าวถึงเหตุการณ์ สารเคมีรั่วไหลที่ท่าเทียบเรือ B3 นั้นในความเป็นจริงสินค้าดังกล่าวมาถึงท่าเทียบเรือในวันที่ 25 พ.ย.และดำเนินการยกตู้คอนเทนเนอร์ลงจากเรือ ในเวลา 09.06 นาที จากนั้นได้ทำการขนย้ายในเวลา 09.16 น.ซึ่งเป็นการขนย้ายธรรมดา และหมดภาระหน้าที่ในการดำเนินการของบริษัท โดยหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่าเรือ B3 แล้ว แต่ล่าสุดกับจะถูกดำเนินคดีในเรื่องความประมาท ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งถือว่าไม่ถูกและเป็นธรรมเท่าที่ควร 2009-11-28 |