กมธ. สิ่งแวดล้อม วุฒิสภาลงพื้นที่แหลมฉบัง รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อวางแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำซาก เน้นเรื่อง อีไอเอ.

     ที่วัดแหลมฉบังเก่า หมู่ 3 ตำบลทุ่งศุขลา อำเภอศรีราชา  จังหวัดชลบุรี  นายสุรชัย  เลี้ยงบุญเลิศชัย  สว.สรรหา และ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(กมธ) วุฒิสภา พร้อมคณะได้เดินทางมารับฟังปัญหาเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลจากท่าเทียบเรือบี3 ท่าเรือแหลมฉบัง จนส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก และมีชาวบ้านชุมชนแหลมฉบังเก่าส่วนหนึ่งได้เดินทางเข้าไปยื่นหนังสือเพื่อให้ทางคณะกมธ.สิ่งแวดล้อมวุฒิสภาเข้ามาช่วยเหลือ  โดยมีนายสุรชัย  ชัยตระกูลทอง สว.จังหวัดชลบุรี พร้อมผู้บริหารเทศบาลตำบลแหลมฉบัง ให้การต้อนรับ และมีชาวบ้านกว่า 300 คน มารับฟังและร่วมชี้แจงปัญหาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หน่วยงานต่างๆได้รับทราบพร้อมกับทางคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิงแวดล้อม วุฒิสภา นายสุรชัย  กล่าวว่า  การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อมาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้น ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร โดยต้องนำข้อมูลจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ และข้อมูลจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็จะนำเสนอหน่วยงานที่รับผิดชอบนำไปปฏิบัติต่อไปในช่วงที่สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ได้เกิดมีการโต้เถียง ระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนเทศบาลตำบลแหลมฉบังและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรงบางส่วน จนมีเหตุการณ์วุ่นวายเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าสู่สภาวะปกติ

     ทางด้านนายพิเชษฐ์  คำทอง  ตัวแทนชาวบ้านชุมชนแหลมฉบังเก่า  กล่าวว่า  ที่ผ่านมามีกระแสว่า การช่วยเหลือจะแยกระหว่างคนที่มีบ้านเลขที่ และคนที่มาพักอาศัยโดยการเช่าบ้าน ซึ่งการช่วยเหลือจะแตกต่างกัน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสารเคมีรั่วไหลก็เป็นคน คนหนึ่ง การช่วยเหลือไม่ควรจะแยกแยะส่วนที่มีองค์กรเอกชนเข้ามาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมาก แต่ถูกคัดค้านและต่อต้านจากกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่ จึงออกมาต่อต้านและคัดค้านผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้

     ด้านนางสมร  ภู่เพชร  น้องสาว ของนางสุนีย์ ภู่เพชร ผู้เสียชีวิต   กล่าวว่า การเสียชีวิตในครั้งนี้ เกิดจากสารเคมีรั่วไหลอย่างแน่นอน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยไปหาหมอเลย แต่ในวันที่มีสารเคมีรั่วไหล ในช่วงเช้ายังไปช่วยเพื่อนบ้านทำงานเมื่อถึงช่วงบ่ายเกิดเป็นลมหมดสติและนำตัวส่งศูนย์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่บริเวณวัดแหลมฉบังเก่า แต่ก็ไม่ดีขึ้นจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลอ่าวอุดม และเสียชีวิตดังกล่าว

     ในการเสียชีวิตในครั้งนี้ หลายฝ่ายออกมาพูดว่า คนตายมีโรคประจำตัวจึงเสียชีวิต โดยไม่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่รั่วไหล  ซึ่งเรื่องนี้เพื่อให้ปัญหากระจ่างในทุกๆฝ่ายในเวลา 14.00 น. ทางญาติจะนำศพไปหาหมอพรทิพย์   โรจนสุนันท์   แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ของสถาบันนิติเวชวิทยาทำการผ่าศพพิสูจน์กันต่อไป เพื่อให้เกิดความสบายใจในทุกๆฝ่าย และจะได้ไม่มีการถกเถียงกันและทางญาติก็จะได้รู้ในข้อสงสัยว่าจะได้รับสารเคมีจนเสียชีวิตหรือไม่ เมื่อรู้ผลแล้วก็จะได้ทำการฌาปนกิจศพอย่างสบายใจ

     นายสุรชัย  กล่าวต่อไปว่า  ขณะนี้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหลในครั้งนี้  ทางหน่วยงานรัฐได้เข้ามาช่วยเหลือในระดับหนึ่งแล้ว และในอนาคตจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้ามาช่วยเหลือเพิ่มขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนซึ่งที่ผ่านมามีกระแสความขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่นั้น ซึ่งเรื่องไม่ต้องการให้เกิดขึ้น โดยขอให้ร่วมมือร่วมใจในการป้องกันปัญหาและผลกระทบต่อจะเกิดขึ้นต่อไปจะดีกว่า ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการท่าเรือแหลมฉบังกับชาวบ้านนั้น ควรต้องหันหน้าเข้าหากัน เพื่อสามารถอยู่ร่วมกันต่อไป   ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ เพื่อนำไปปรับปรุง เพื่อไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต หากมีสิ่งใดบกพร่องก็จะได้นำไปแก้ไขให้ดีขึ้น โดยไม่ใช่ลงมาจับผิดหน่วยงานที่รับผิดชอบต่างๆแต่อย่างใด  ซึ่งการรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ คาดว่าไปเกิน 1  สัปดาห์ ก็สามารถแจกจ่ายให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบในทันที สำหรับการลงมาพบปะกับประชาชนและหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ในวันนี้   จะต้องเฝ้าติดตามตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาวต่อไป  โดยเฉพาะเรื่องรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA.) ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะหากปฏิบัติตาม EIA. แล้ว ปัญหาคงไม่เกินขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้วไม่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้นจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง หากผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 
     ซึ่งหลังจากนั้นนายสุรชัย  เลี้ยงบุญเลิศชัย  สว.สรรหา และ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(กมธ) วุฒิสภา พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่ท่าเทียบเรือบี3 เพื่อฟังบรรยายจากคณะผู้บริหารโดยได้ดูตรงจุดเกิดเหตุที่มีสารเคมีรั่วไหลและตรงจุดที่ตู้คอนเทรนเน่อร์ตั้งอยู่ รวมทั้งรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นของการเกิดสารเคมีรั่วไหลดังจุดดังกล่าว  จนชาวบ้านในหมู่บ้านแหลมฉบังเก่าได้รับผลกระทบทั้งบาดเจ็บจำนวนมากและเสียชีวิต และทางกรมควบคุมลพิษ ร่วมกับบริษัท ESCO จำกัดได้ทำการเก็บกากของเสียตกค้าบริเวณจุดเกิดเหตุที่ ท่าเรือ B3 ได้รวบรวมกากของเสียบรรจุถุงดำ และบรรจุใส่ถังขนาด 200 ลิตร รวม 3 ตัน นำไปเก็บไว้ที่คลังสินค้าอันตราย JWD โดยบริษัท GENGO จะมารับไปกำจัดต่อไป

     หลังจากนั้นก็เดินทางมาที่ห้องประชุมชั้น2  ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อฟังบรรยายสรุปของท่าเรือแหลมฉบัง ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อนำเรื่องที่ได้รับฟังไปสรุปผลอีกครั้งเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะยาว เพื่อความปลอดภัยของคนในชุมชน

     และที่บริเวณวัดแหลมฉบังเก่า ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ชลบุรี กระทรวงสาธารณสุข ได้นำรถโมบาย ออกมาจอดและนำเครื่องมือและน้ำยาตรวจสารโซเดียมเปอร์ซันเฟต หรือสารฟอกขาว มาตรวจอาหารทะเลสดประเภท กุ้ง หอย ปู ปลา ที่ชาวประมงจับได้จากอ่าวแหลมฉบัง และอาหารทะเลแปรรูป ที่ชาวบ้านวางจำหน่ายในหมู่บ้านแหลมฉบังเก่า ซึ่งจากการตรวจทั้งอาหารทะเลสดและอาหารทะเลแห้งที่นำมาจากชาวประมงและร้านอาหารทะเลแปรรูปหลายๆร้านนั้นปรากฏว่าไม่พบมีสารเคมีประเภทสารโซเดียมเปอร์ซันเฟต หรือสารฟอกขาว เจือปนในอาหารทะเลทั้งหมด ที่ได้นำมาตรวจสอบ  ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่าถ้าซื้อหาไปรับประทานแล้วจะไม่เป็นอันตรายแก่ประชาชนแน่นอนให้สบายใจได้ว่าสารเคมีดังกล่าวนั้นไม่หลงเหลืออยู่ในพื้นที่แล้ว

2009-12-02