กระทรวงแรงงานติวเข้ม การบริหารความปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุจากสารเคมีอันตราย
วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธาน การสัมมนาโครงการส่งเสริมความรู้ การบริหารความปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุจากสารเคมีอันตราย ณ ห้องแปซิฟิก โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน ประเทศไทยมีอุบัติเหตุ และอุบัติภัยที่เกี่ยวเนื่องกับสารเคมีเกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งรวมทั้งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 ที่เกิดการลุกไหม้ของสารโซเดียมเปอร์ซัลเฟต ที่ท่าเรือแหลมฉบัง และเมื่อวันที่ 5 7ธันวาคม 2552 เกิดเหตุก๊าซบิวทีนวันรั่วที่ท่าเรือมาบตาพุต และก๊าซรั่วในโรงงานไทยเรยอน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบโดยภาพรวม ทั้งต่อตัวลูกจ้าง นายจ้าง เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดโครงการส่งเสริมความรู้ เรื่องการบริหารความปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุจากสารเคมีอันตราย มุ่งสร้างความรู้ให้ผู้ประกอบกิจการปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน และมีระบบการบริหารจัดการความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดอุบัติภัยจากสารเคมีอันตราย โดยเฉพาะกฎหมายและข้อกำหนดที่สำคัญๆ เช่น พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม (สารเคมี) พ.ศ.2520 ประกาศหระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย พ.ศ.2535 และประกาศกรมสวัสดิ์การและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขนส่ง เก็บรักษา เคลื่อนย้าย กำจัดหีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตราย พ.ศ.2535 เป็นต้น ซึ่งสาระของกฎหมายเหล่านี้ มุ่งเน้นการป้องกันอันตรายก่อนเกิดเหตุ โดยกำหนดให้มีการจัดการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานไว้อย่างครบถ้วน รวมทั้งกำหนดข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการขนส่ง เคลื่อนย้ายสารเคมีอันตราย ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับท่อส่งสารเคมีอันตราย การจัดสถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตราย ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งหากได้นำไปปฏิบัติแล้วโอกาสที่จะเกิดอันตรายจากสารเคมีจะลดน้อยลง หรือ ไม่เกิดขึ้นเลย ในขณะที่ความเชื่อมั่นขอนักลงทุนที่มีต่อสถานประกอบกิจการจะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากเหตุสารโซเดียมเปอร์ซัลเฟตรั่วไหล ณ ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 และเหตุการสารเคมีบิวทีนวันรั่วจากเรือขนถ่ายสินค้า ณ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ในวันที่ 5-6 ธันวาคม 2552 ได้ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ส่งผลให้ลูกจ้างและประชาชนจำนวนมากมีอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง สร้างความตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างอย่างมาก ด้วยเหตุนี้กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้จัดโครงการส่งเสริมความรู้ เรื่องการบริหารความปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุจากสารเคมีอันตราย เพื่อให้สถานประกอบกิจการที่มีการใช้สารเคมีอันตรายเข้าใจ และปฏิบัติตามประกาศกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการขนส่ง เก็บรักษา เคลื่อนย้ายและกำจัดหีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตราย ทั้งนี้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเชื่อมั่นว่า ผู้ประกอบกิจการในจังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ที่เข้าร่วมโครงการ เกิดความเข้าใจ และปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งมีการนำเข้าจัดเก็บรักษา เคลื่อนย้าย หรือมีการใช้สารเคมีอันตราย มีการบริหารจัดการความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายอย่างปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อมโดยรวมต่อไป นอกจากนี้ในช่วงบ่าย นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบนโยบายโดยกล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมและการแข่งขันทางเศรษฐกิจ จำเป็นต้องอาศัยความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในกระบวนการผลิต ทำให้ความต้องการใช้สารเคมีเพิ่มมากขึ้นในทุกภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม ภาสคบริการ รวมทั่งภาคครัวเรือนและชุมชน สิ่งของเครื่องใช้ที่มนุษย์สร้างขึ้นในปัจจุบันเกือบทั้งหมด มีสารเคมีเป็นองค์ประกอบ หรือผ้านกระบวนการผลิตที่มีการใช้สารเคมีต่างๆ ส่งผลให้การคาและการลงทุนในอุตสาหกรรมเคมีเติบโตอย่างรวดเร็ว จนเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แม้สารเคมีจะมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย และได้ช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่สารเคมีก็ได้สร้างผลกระทบ และความเสียหายต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมเช่นกัน โดยผลกระทบของสารเคมี สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่การผลิตการนำเข้า การส่งออก การใช้ และการกำจัดกากของเสียที่เกิดขึ้น และการควบคุมดูแลการผลิต การขนส่ง การใช้และการครอบครองสารเคมีในทุกวงจรอย่างเข้มงวดจริงจังมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 2009-12-22 |