รมว.คมนาคม พร้อมผลักดันท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นท่าเรือที่มีความปลอดภัย-ความเชื่อมั่น นำร่องแห่งแรกของประเทศ เร่งจัดทำแผน เสนอครม.ต่อไป
วันนี้ (8 ม.ค. 2553) ที่ห้องประชุมการท่าเทียบเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ คณะได้เดินทางมาตรวจพื้นที่ด้านเส้นทางคมนาคมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และการขนส่งสินค้าทางน้ำท่าการท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีคณะผู้บริการการท่าเรือแหลมฉบัง ได้ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปถึงปัญหาและอุปสรรคที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีการเกิดสารเคมีรั่วไหลที่ท่าเรือ B3 จนทำให้มีเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นจากขั้นตอนในการขนถ่ายสินค้า แต่ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นทางการท่าเรือแหลมฉบัง ได้มีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้ให้ได้มาตรฐาน ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงระเบียบในการขนถ่ายสินค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเป็นพระราชกฤษฎีกา เพื่อประกาศใช้ต่อไป 2.สินค้าทุกตู้สินค้าที่นำเข้ามา ต้องขนย้ายไปยังคลังสินค้าอันตรายทันที 3.ต้องมีข้อมูลที่เพียงพอของสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง และ 4. รายงานระบบต่างๆเข้าสู่ศูนย์ข้อมูลการท่าเรือแหลมฉบัง เช่น การใช้สารเคมีดังกล่าว และ ของเสีย(กากสารเคมี) ต้องรายงานโดยตลอด ด้านนายโสภณ กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อต้องการมาสร้างความมั่นใจให้กับท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นท่าเรือที่ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ เช่นเมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้น สามารถดำเนินการตามหลักสากลหรือไม่ หากสารถดำเนินการได้ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน นอกจากนั้นด้านความปลอดภัย ซึ่งความปลอดภัยนั้นจะควบคุมในทุกๆระบบในการจัดการต่างๆ โดยทั้ง 2 ระบบนี้ จะได้มาตรฐานก็ต้องอยู่ในกฎระเบียบที่วางไว้ และ พนักงานและผู้บริการต้องดำเนินการอย่างจริงจังและไม่ประมาท “ตนต้องการเห็นแนวทางการบริหารจัดการของการท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้เป็นมาตรฐาน ตามที่เจ้าหน้าที่ชี้แจงไว้ โดยขอให้ทำเป็นรายงานนำเสนอตนเป็นการเร่งด่วน ภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นทางกระทรวงจะพิจารณาและนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป หากครม. มีมติให้ความเห็นชอบ ทางกระทรวงก็จะประกาศว่พื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเทียบเรือที่มีความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนต่อไป” นายโสภณ กล่าว นายโสภณ กล่าวต่อไปว่า ตนจะผลักดันให้การท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือที่ได้มาตรฐาน ด้านความปลอดภัย ,ด้านความเชื่อมัน ,ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความเป็นผู้ของประชาชนสามารถอยู่ควบคู่ไปกับท่าเรือและโรงงานต่างๆได้โดยไม่มีผลกระทบ โดยคาดว่าจะใช้ระยะประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็สามารถประกาศเป็นท่าเรือที่ได้มาตรฐานได้อย่างเป็นทางการ เพราะท่าเรือมีแผนงานดังกล่าวอยู่แล้ว ที่สำคัญมีความพร้อม เพียงแต่นำเสนอ ครม.พิจราณาเท่านั้น ก็ประกาศได้ทันที 2010-01-09 |