รันทดชีวิตอดีตแพทย์ประจำตำบลสัตหีบ และหมอสมุนไพรตกอับ อาศัยข้าวก้นบาตรพระหล่อเลี้ยงชีวิต
ปราชญ์ชาวบ้าน อดีตหมอสมุนไพรไทย และแพทย์ประจำตำบลสัตหีบผู้ใจบุญวัย 80 ปี ตกอับ อดมื้อกินมื้อ ต้องอาศัยข้าวก้นบาตรพระ และเงินช่วยเหลือคนแก่ 500 บาท หล่อเลี้ยงชีวิตให้รอดไปวัน ๆ อยู่ในโลกมืด เปิดใจลูกผู้ชาย 5 คน หญิง 4 คน ไม่มีใครเลี้ยงดู พ่อ และแม่ ขาดน้ำดื่ม น้ำอาบ น้ำล้างห้องน้ำ น้ำใช้เป็นน้ำเดียวกัน เรื่องนี้ได้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2553 นางศิริลักษณ์ คำศรี หรืออี๊ด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้รับทราบจากพระสงฆ์วัดทุ่งโปรง ว่าขณะที่ออกบินฑบาตรตอนเช้า ได้ผ่านเข้าไปที่หมู่บ้านนาวีไทย หมู่ที่ 7 ตำบลพลูตาหลวง มียามรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน มาขอข้าว และอาหารคาว หวานเป็นประจำทุกวัน ยกเว้นวันพระ และวันที่อาตมาป่วยเท่านั้น พอนานวันเกิดสงสัยจึงได้สอบถาม ปรากฏว่ายามรักษาความปลอดภัยได้บอกว่าอาหารที่ขอพระมานั้นได้นำไปบริจาคให้ นายฉอ้อน แก้ววิไล อายุ 80 ปี และ นางมาลัย แก้ววิไล อายุ 74 ปี สองสามี ภรรยา ซึ่งใช้ชีวิตแบบแยกกันอยู่ แยกกันกิน อยู่บ้านคนละหลัง หลังได้รับทราบเรื่อง นางศิริลักษณ์ คำศรี หรืออี๊ด ผญบ.หมู่ที่ 7 ต.พลูตาหลวง ได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับได้เชิญ ผู้สื่อข่าวประจำอำเภอสัตหีบไปร่วมตรวจสอบด้วย โดยได้เดินทางเข้าไปในซอยสุขุมวิทสัตหีบ 109 ตรงข้ามกับหมู่บ้านนาวีไทย ได้มีบ้านชั้นเดียวสร้างด้วยไม้เก่า สังกะสีเก่า ที่นอน หมอน มุ้ง อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านล้วนแล้วแต่เก่าๆ ชำรุดทั้งหมด แม้แต่ห้องน้ำก็มีแต่เพียงโถส้วม ไม่มีฝาผนังกั้นแต่อย่างใด พบข้าวสารที่ได้รับการบริจาคจากโครงการ อำเภอ จังหวัด และเทศบาลเคลื่อนที่ วางไว้โดยไม่ได้นำไปหุงแต่อย่างใด เพราะบ้านพักไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้ชีวิตในโลกมืด หม้อหุงข้าวสภาพเก่ารั่ว นายฉอ้อน แก้ววิไล กล่าวว่า ตอนนี้มีปัญหาหูตรึงฟังไม่ค่อยชัด มีบุตรทั้งหมด 9 คน ชาย 5 คน หญิง 4 คน แต่ไม่มีใครสามารถเลี้ยงดูพ่อ และแม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว แต่พ่อแม่เลี้ยงลูกมาได้จนโตทุกคน ถูกทอดทิ้งด้วยความยากจนทำให้ต้องแยกกันกิน แยกนอน แยกบ้าน อดีตเคยได้รับการคัดเลือกให้เป็นแพทย์ประจำตำบลสัตหีบ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2525 และ ได้จบหลักสูตรพิเศษการใช้สมุนไพร จัดโดยคณะกรรมการบริหารโครงการตามพระราชดำริสวนป่าสมุนไพรเพื่อสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2528 เคยช่วยชีวิต ช่วยเหลือประชาชนที่ป่วยไม่มีเงินมาแล้วจำนวนมาก เคยมีบ้านพักส่วนตัวในซอยธรรมวิทยา หมู่ที่ 2 ตำบลสัตหีบ แต่ต้องขายใช้หนี้ใช้สินจนหมด ไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ดินของผู้อื่นโดยมีประชาชนที่เห็นว่ายากจน ปลูกที่พักอาศัยให้ซุกหัวนอน และขอข้าวพระขณะบินฑบาตรมาให้กินวันละ 1 มื้อ ได้รับเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุจากเทศบาลเมืองสัตหีบเดือนละ 500 บาท ถ้าเกิดเจ็บป่วยคงแย่แน่นอน จึงต้องออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ส่วนทางด้าน นางมาลัย แก้ววิไล อายุ 74 ปี ภรรยาของ นายฉอ้อน เปิดเผยว่า ได้แยกกันอยู่กับสามี โดยอาศัยที่ดินคนอื่นปลูกที่พักอาศัยหลบแดด หลบฝน และซุกหัวนอน และสาเหตุที่ต้องแยกทางกันเพราะสามีเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ไม่รับฟังเหตุผลของใครแม้แต่ลูก ๆ ทำให้ลูกไม่กล้าเข้ามาหา นาน ๆ ก็มาเยี่ยมพ่อ และแม่ แต่ไม่ได้ให้เงิน และไม่ให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด เพราะลูก ๆ ทุกคนยากจนไม่สามารถดูแล เลี้ยงดูพ่อ แม่ได้ นิราช ทิพย์ศรี ภาพ / ข่าว 2010-03-15 |