กาชาดและเมืองสัตหีบรุดเข้าช่วยเหลือ 2 ตายายถูกทิ้งใช้ชีวิตลำพัง
จากกรณีที่ นาย ฉอ้อน แก้ววิไล อายุ 80 ปี อดีตแพทย์ประจำตำบลสัตหีบ และ นางมาลัย แก้ววิไล อายุ 74 ปี สองสามีภรรยา ที่ใช้ชีวิตแบบแยกกันอยู่ แยกกันกิน อยู่บ้านคนละหลังโดยลูกทั้ง 9 คน ทิ้งให้ใช้ชีวิตเพียงลำพัง หากินเอาตัวรอดไปวันๆ อ้างเหตุลูกก็ยากจนเหมือนกัน จะเลี้ยงดูได้อย่างไร มิหนำซ้ำพ่อยังเป็นคนอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจ ไม่พอใจใครก็จะด่าทออย่างรุนแรง จนลูกแหยงไปตามๆ กัน เลยปล่อยให้ใช้ชีวิตไปตามยถากรรม หน่วยงานสัตหีบทราบข่าวเร่งรุดให้ความช่วยเหลือด่วน ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันนี้( 16 มี.ค. 53 ) นางนิตยา เอี่ยมเจริญ นายกกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ พร้อมด้วย นางเกื้อกูล บุญบรรเจิดศรี พร้อมสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ นายไชยเทพ บุญเลิศ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสัตหีบ คณะผู้บริหารเทศบาลเมืองสัตหีบ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบและให้ความช่วย เหลือ นาย ฉอ้อน แก้ววิไล อายุ 80 ปี อดีตแพทย์ประจำตำบลสัตหีบ และ นางมาลัย แก้ววิไล อายุ 74 ปี สองสามี ภรรยา ที่ถูกลูกทอดทิ้งให้ใช้ชีวิตตามลำพัง ด้วยการพักอาศัยอยู่ภายในบ้านชั้นเดียวสร้างด้วยไม้เก่า สังกะสีเก่า ที่นอน หมอน มุ้ง อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านล้วนแล้วแต่เก่าและชำรุดทั้งสิ้น แม้แต่ห้องน้ำก็มีแต่เพียงโถส้วม ไม่มีฝาผนังกั้นแต่อย่างใด พบข้าวสารที่ได้รับบริจาค จากโครงการอำเภอ จังหวัด และเทศบาลเคลื่อนที่ วางไว้โดยไม่ได้มีการดำเนินการนำไปหุงกินแต่อย่างใด เพราะบ้านพักไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้ชีวิตในโลกมืด หม้อหุงข้าวที่มีอยู่ก็สภาพเก่าแก่ มิหนำซ้ำยังรั่วใช้การไม่ได้อีกด้วย หลังรับการร้องขอจาก นางศิริลักษณ์ คำศรี (หรืออี๊ด) ผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 7 ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ให้เข้ามาตรวจสอบและทำ การช่วยเหลือ ซึ่งในเบื้องต้นได้เข้ามาสำรวจในเรื่องของที่พักอาศัย และตรวจสอบข้อมูลประวัติ เพื่อนำเสนอให้หน่วยงานต่างๆ หาทางช่วยเหลือไปตามระบบของทางราชการ โดยเบื้องต้นในวันนี้ได้นำเงินสด และถุงยังชีพของเทศบาลเมืองสัตหีบมามอบให้กับ 2 ตายาย พร้อมกับจะเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เนื่องจากได้รับความยากลำบากจากการถูกทอดทิ้งจริง นิราช ทิพย์ศรี ภาพ / ข่าว 2010-03-16 |