เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากหลายหน่วยงาน นับ10คันเร่งสกัดกั้นเพลิงที่รุกไหม้อย่างแรงภายในโรงงานด้านใน หลังคนงานนำเศษเหล็กที่มีคราบน้ำมันลงบ่อหลอม จนทำให้เปลวเพลิงรุกโชนไปติดกับกองวัสดุที่อยู่ใกล้เคียงจนไม่สามารถดับไฟเองได้

     เมื่อคืนวันที่ 29 มีนาคม 2553 ที่บริเวณ บริษัท ยูเอ็มซี เมททอล จำกัด เลขที่ 9/10 ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่พนักงาน โรงงานหลอมเหล็ก ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่รถดับเพลิง เทศบาลเมืองแสนสุข นำน้ำมาช่วยดับไฟ ภายในบริษัท หลังจากที่มีเปลวเพลิงรุกไหม้อย่างแรงเป็นวงกว้าง จนไม่สามารถควบคุมได้เนื่องจากในบ่อหลอมเหล็กเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างแรงจนเป็นเหตุให้เปลวเพลิงลามมาติดกับเศษวัสดุ ที่รอการนำลงบ่อจนเป็นวงกว้างดังกล่าว เนื่องจากในบริเวณนั้นมีคราบนำมันจากเศษวัสดุเป็นจำนวนมาก

     หลังจากที่ได้รับแจ้งทางเจ้าหน้าที่รถดับเพลิงได้เดินทางมาที่เกิดเหตุทันที หลังจากที่พยายามนำน้ำไปสกัดกั้นบริเวณรอบ ให้คราบน้ำมันจากเศษวัสดุลงไปอยู่ในบ่อเสียก่อน ก่อนที่จะใช้สารเคมีดับอีกครั้ง เนื่องจากพนักงานทางบริษัท ได้ใช้น้ำดับไฟก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึงจึ่งทำให้เพลิงรุกลามเป็นวงกว้าง เนื่องจากน้ำกับน้ำมันไม่สามารถเข้ากันได้ด้วยความตกใจและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงทำให้เพลิงรุกลามไปทั่วบริเวณบ่อที่จัดเก็บวัสดุ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการดับเพลิงครั้งนี้นานกว่า2 ชั่วโมงที่เดียว กว่าที่จะหยุดเพลิงได้

     หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.แสนสุขได้เดินทางมาตรวจสอบในโรงงาน ยูเอ็มซี ที่เกิดเหตุ ว่าการลุกไหม้ของเพลิงครั้งนี้มาจากอะไร  ซึ่งทางตัวแทนของบริษัท คือ นายมาร์ค ผู้ควบคุมดูและกิจการของบริษัท. ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า สาเหตุที่เพลิงไหม้ขนานใหญ่ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก  เจ้าหน้าที่พนักงานผิดพลาด หรือหละหลวม ที่นำวัสดุเศษเหล็ก ที่รอการแปรรูปโยนลงบ่อหลอม ที่อุณหภูมิสูง แต่ไม่ได้ตรวจเช็คคราบน้ำมันจากเศษวัสดุนั้นๆ จึงทำให้เกิดเปลวเพลิงรุกไหม้ที่บ่อหลอมอย่างแรง จนลุกลามออกมานอกบ่อและไปติดกับกองวัสดุที่รอการหลอมข้างๆอีกทีหนึ่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พนักงานระดมกำลังช่วยกันดับไฟโดนการใช้น้ำแต่ไม่สามารถดับได้จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่รถดับเพลิงมาช่วยดังกล่าว  ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานถึงสาเหตุในครั้งนี้ และนับว่ายังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับการบาดเจ็บจากเพลิงที่ลุกลาม และไม่ไปติดตัวอาคารสำนักงานมิฉะนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้แน่นอน.

พร บางแสน- ข่าว /อนันต์-ภาพ  2010-03-30