จังหวัดชลบุรี ขอเชิญเที่ยวงานประจำปี ฉลองครบรอบ 78 ปี ปีนี้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี

     วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553 จังหวัดชลบุรี เปิดงานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ และงานสงกรานต์จังหวัดชลบุรี ประจำปี 2553 โดยมีนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดงาน ณ บริเวณหน้าหอพระพุทธสิหิงค์ฯ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

    ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบกับประเทศไทยด้วนนั้น จังหวัดชลบุรี กำหนดนโยบายในการรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวเมืองไทย และในขณะเดียวกันก็ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้ามาเที่ยวจังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้คำขวัญที่ว่า  “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” ดังนั้น ระหว่างวันที่ 9-17 เมษายน ของทุกปี ชาวชลบุรี โดยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมกันจัดงาน นมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ และงานสงกรานต์จังหวัดชลบุรี ขึ้น เพื่อเป็นการร่วมกันสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดชลบุรี  งานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ และงานสงกรานต์จังหวัดชลบุรี ประจำปี 2553 หรือที่เรียกกันง่ายๆแต่เป็นที่เข้าใจร่วมกันว่า งานประจำปีจังหวัดชลบุรี หรือชาวบ้านเรียกว่า งานหน้าศาล นั้น ได้เริ่มจักครั้งแรกเมื่อปี 2475 ภายหลังจากคณะราษฎร์ได้ยึดอำนาจการเปลี่ยนแปลงปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ชาวบ้านเรียกนักติดปากว่างาน ฉลองสันติภาพ ซึ่งจัดขึ้นโดยสโมสรคณะราษฎร์ประจำจังหวัดชลบุรีเพื่อร่วมกันชื่นชมยินดีที่บ้านเมืองเข้าสู่ความเป็นปกติสุขภายหลังจากมีการก่อเหตุความวุ่นวายภายในบ้านเมืองอันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง นับได้ว่าเป็นการหลังจากมีการก่อเหตุความวุ่นวายภายในบ้านเมืองอันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง นับได้ว่าเป็นการจัดงานที่ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนานถึงปีที่ 78 แล้ว

    นายสุนทร รัตนวราหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการจัดงานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ และงานสงกรานต์จังหวัดชลบุรี ประจำปี 2553 กล่าวว่า งานประจำปีของจังหวัดชลบุรีได้จัดต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 77 ปีแล้ว และปีนี้นับเป็นการจัดงานครบรอบ 78 ปี นับตั้งแต่การจัดงานครั้งแรกเมืองปี พ.ศ.2475 งานนี้เดิมเรียกว่า งานฉลองสันติภาพ จัดว่าเป็ฯงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในภาคตะวันออก ต่อมาได้มีการสร้าง พระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคลสิรินารถ พุทธบริษัทราษฎร์กุศลสามัคคีชลบุรี ปูชนียบพิตร เมื่อ พ.ศ.2503 ในสมัย นายนารถ มนตเสวี ดำรงตำแห่นง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และได้มีการจัดตั้งเหล่าการชาดขึ้นในทุกจังหวัด คณะกรรมการจัดงานในสมัยนั้นพิจารณาแล้วเป็นว่า เพื่อมิให้ต้องจัดงานหลายครั้งหลายคราว จึงได้กำหนดจัดงานฉลองสันติภาพ งานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ งานสงกรานต์ และงานกาชาดเข้าด้วยกันและต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น งานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ และงานสงกรานต์จังหวัดชลบุรี

    สำหรับในปีนี้ คณะกรรมการจัดงานฯ ได้กำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 9-17 เมษายน 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสิ่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งขนมธรรมเนียมประเพณีอันอีงานของท้องถิ่น รวมทั้งนำรายได้จากการจัดงานไปช่วยเหลือด้านสาธารณกุศลพร้อมทำนุบำรุงและสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ ส่วนในงานได้กิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น การจัดนิทรรศการโบราณวัตถุ ศิลปวัฒนธรรมไทยของ ยุวพุทธิสมาคมชลบุรี การจัดริ้วขบวนแห่สงกรานต์ การประกวดเทพีสงกรานต์ เพื่อเชิดชูและรักษาไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ การออกร้านกุศลของจังหวัดชลบุรี การออกร้านของส่วนราชการ และภาคเอกชน การแข่งขันกีฬาไทย การแสดงมหารสพ และการละเล่นต่างๆ ที่สำคัญในปีนี้ จังหวัดชลบุรีได้กำหนดให้ร้านต่างๆ ทั้งของส่วนราชการ และเอกชน ตกแต่งร้านในลักษณะของการส่งเสริมให้คนเที่ยวชลบุรี และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ว่า “ชลบุรีน่าอยู่ คู่เศรษฐกิจชั้นนำ” พร้อมทั้งส่งเสริมในมีการนำสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากโรงงานอุตสาหกรรม หรือผู้ผลิตในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มาร่วมแสดงและจำหน่ายในบริเวณงานด้วย

    นายเสนีย์  จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า งานประจำปีของจังหวัดชลบุรี มีคุณค่าครอบคลุมในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การกีฬา การรื่นเริงบันเทิง และการส่งเสริมรักษาไว้ซึ่งขนมธรรมเนียน และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ซึ่งงานนี้มีอายุยาวนานมาถึง 78 ปี นับว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งของภาคตะวันออก นอกจากนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดงานและของแสดงความชื่อชมคณะกรรมการทุกฝ่าย รวมทั้งส่วนราชการ หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ บริษัท ห้างร้าน มูลนิธิ สมาคม และประชาชนชาวชลบุรี ที่ได้ทุ่มเทและร่วมแรงร่วมใจในการดำเนินงาน กระทั่งปรากฏผลอันทรงคุณค่า และมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศ และหวังอย่างยิ่งว่าพี่น้องประชาชนชาวชลบุรี และผู้ที่เข้าร่วมงานประจำปีในปีนี้ จะได้รับทั้งสาระความรู้ ความสุขสนุกสนาน และได้บุญกุศลโดยถ้วนหน้ากัน และขอให้ร่วมกันรักษางานประเพณีอันดีงามนี้ไว้ชั่วลูกชั่วหลานสืบไป

2010-04-10