บีทีเอส จัดพิธีรับรถไฟฟ้า 12 ขบวน ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
เมื่อเวลา 15.00 น. (25 มิ.ย.53) บีทีเอส ได้จัดพิธีรับรถไฟฟ้าจำนวน 12 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ รวม 48 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี โดยมี นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส คณะผู้บริหาร คอยให้การต้อนรับ รถไฟฟ้าขบวนใหม่เที่ยวแรกได้ลำเลียงจากเมืองท่า ต้าเหลียน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2553 และถึงท่าเรือแหลมฉบังเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2553 และจะทยอยส่งจนครบทั้งหมดภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2553 โดยบริษัทฯ ได้สั่งซื้อขบวนรถทั้งหมด จากบริษัท ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศจีน ที่ผลิตรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูง โดยได้สั่งซื้อทั้งหมด จำนวน 12 ขบวน รวม 48 ตู้ มูลค่ากว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และใช้รองรับส่วนต่อขยายสายสีลมที่เปิดให้บริการไปแล้วเมื่อวันที่ 115 พฤษภาคม 2552 ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อันจะทำให้บริษัทฯ มีจำนวนรถไฟฟ้าพร้อมให้บริการ รวมทั้งสิ้น 47 ขบวน จากปัจจุบันที่ให้บริการ 35 ขบวน จุดเด่นของรถไฟฟ้าขบวนใหม่นี้ คือ สามารถจุผู้โดยสารได้ขบวนละประมาณ 1,490 คน จากเดิมจุได้ประมาณ 1,106 คนต่อขบวน อันเนื่องมาจากความยาวที่เพิ่มขึ้นจาก 3 ตู้ต่อขบวน เป็น 4 ตู้ต่อขบวน เมื่อบริษัทฯ ได้รับรถไฟฟ้าขบวนใหม่ครบทั้ง 12 ขบวนแล้ว จะนำมาทดสอบวิ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนก่อนที่จะนำไปให้บริการ โดยจะนำรถไฟฟ้าใหม่ทั้ง 12 ขบวน ให้บริการในสายสีลมทั้งหมด ส่วนรถไฟฟ้าอีก 35 ขบวนที่มีอยู่เดิมนั้นจะถูกนำไปให้บริการในสายสุขุมวิท ปัจจุบันรถไฟฟ้าบีทีเอสมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยในวันทำการเกือบ 5 แสนเที่ยวคนต่อวัน และสูงสุดในวันทำการกว่า 570,000 เที่ยวคน เนื่องจากกรุงเทพมหานครยังคงมีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเส้นทางรถไฟฟ้าได้มีการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นคอนโด อาคารสำนักงานโรงแรม ศูนย์การค้า หรือแหล่งช้อปปิ้งที่ขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การสั่งซื้อขบวนรถไฟฟ้าใหม่ ทั้ง 12 ขบวนนี้ จะช่วยรองรับการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้โดยสาร และจะทำให้บริษัทฯ มีรถไฟฟ้าให้บริการผู้โดยสารทั้งในสายสุขุมวิท และสายสีลม รวมทั้งสิ้น 153 ตู้ จาก 47 ขบวน จากการที่บริษัทฯ จะนำเอารถไฟฟ้าใหม่ที่มีความยาว 4 ตู้ ต่อขบวน ไปให้บริการในสายสีลม จะช่วยแก้ปัญหาสภาพคอขวดของสถานีสะพานตากสิน ที่มีรางเพียงคู่เดียวได้ โดยความยาวขบวนรถที่เพิ่มขึ้น จะสามารถรองรับผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ ทำให้ไม่มีปัญหาผู้โดยสารตกค้างที่สถานี ในขณะที่สายสุขุมวิทก็จะมีขบวนรถไฟฟ้าให้บริการเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มความถี่ในการให้บริการโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนได้ทำให้ความหนาแน่นของผู้โดยสารในขบวนรถในชั่วโมงเร่งด่วนบรรเทาลงได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการใช้บริการมากขึ้น 2010-06-25 |