รมว.อุตสาหกรรม ร่วมฉลองยอดการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิในประเทศไทย ครบ 2 ล้านคัน

      ที่โรงงานประกอบรถยนต์มิตซูบิชิ ภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีฉลองการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิในประเทศไทย ครบ 2 ล้านคัน พร้อมทั้งตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งสื่อมวลชน ร่วมแสดงความยินดีและปล่อยรถยนต์มิตซูบิชิคันที่ 2 ล้าน ออกจากสายพานการผลิต โดยมี มร.โอซามุ มาสุโกะ ประธาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส อร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับ

      มร.โอซามุ มาสุโกะ ประธาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพ และความพร้อมสูงสุดด้านการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านฝีมือแรงงานที่มีมาตรฐานสูง จนได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ รวมไปถึงระบบสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อการลงทุน และนโยบายสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย

     ด้วยองค์ประกอบดังกล่าว จึงทำให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ได้เดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง และกำลังมีอนาคตที่สดใส พร้อมกันนี้ต้องขอขอบคุณลูกค้าชาวไทย ที่ให้ความไว้วางใจและมั่นใจในรถยนต์มิตซูบิชิ ตลอดระยะเวลา 23 ปี ที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอขอบคุณรัฐบาลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ และให้การสนับสนุนด้วยดีตลอดมา

      บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2530 หรือประมาณ 23 ปีที่ผ่านมา ในชื่อบริษัท เอ็มเอ็มซี สิทธิผล จำกัด และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2546 มีโรงงานประกอบรถยนต์ 2 แห่ง ซึ่งมีกำลังผลิตรวมอยู่ที่ 200,000 คันต่อปี โดยปัจจุบันทำการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ , มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน , มิตซูบิชิ ไทรทัน และมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เพื่อการจำหน่ายในประเทศ รวมทั้งได้ส่งออกมิตซูบิชิ ไทรทัน และมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไปจำหน่ายยังกว่า 140 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย สำหรับรถมิตซูบิชิคันที่ 2 ล้าน ซึ่งปล่อยออกจากสายพานการผลิตในวันนี้ ถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับบริษัทฯ รวมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยยอดการผลิต 2 ล้านคันดังกล่าวเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1,246,480 คัน หรือประมาณ 62% และเพื่อการจำหน่ายในประเทศ 753,520 คัน หรือ 38%

2010-07-05