"ปิกนิค"ส่งเจ้าหน้าที่เร่งกู้เรือแก๊ส |
|
บริษัทปิกนิค ส่งเจ้าหน้าที่เร่งกู้เรือแก๊ส หลังถูกคลื่นทะเล ซัดเกยชายหาดอ่าวอุดม-แหลมฉบัง สร้างความหวั่นวิตกต่อประชาชน และผู้สัญจรผ่านไปมา
จากกรณีเรือบรรทุกแก๊ส LPG ของบริษัทปิกนิค ขนาดเรือกว่า 3,000 ตันกรอส ถูกคลื่นทะเลพัดเรือลำดังกล่าว มาเกยชายหาดบริเวณอ่าวอุดม-แหลมฉบัง เมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดทางสำนักขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี มีคำสั่งให้บริษัท เร่งดำเนินการกู้เรือลำดังกล่าว โดยด่วน เนื่องจากประชาชนหรือผู้ที่พบเห็นหวั่นจะได้รับผลกระทบหรืออันตรายจากเรือลำนี้ เนื่องจากเรือได้ถูกคลื่นลมทะเลพัดเข้ามาเกยชายหาดและ มีสภาพเอียงและน้ำไหลเข้าไปในลำตัวเรือ ล่าสุดนายอนันต์ สร้อยแสง ผู้ดูแลเรือลำดังกล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ มาดำเนินการดูดน้ำทะเลที่ไหลเข้าไปในตัวเรือออกก่อนในเบื้องต้น และหลังจากดูดน้ำออกแล้ว หากพบรอยรั่วของตัวเรือ ก็จะทำการปะและซ่อมแซมต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการดูดน้ำทะเลออกจากตัวเรือก่อน การดูดน้ำทะเล จะต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายวัน เนื่องจากพบว่ามีน้ำทะเลเข้าไปในตัวเรือเป็นปริมาณมาก และยังไม่สามารถพบรอยรั่วที่เกิดจากการชนหินโสโครกใต้ทะเลในขณะนี้ นายอนันต์ กล่าวต่อไปว่า การกู้ซากเรือในครั้งนี้ จะต้องใช้ระยะเวลานานหลายวัน เนื่องจากสภาพเรือไปเกยอยู่บนหินโสโครก ซึ่งจะต้องวางแผนในการกู้ซากเรือให้ดี เพราะไม่เช่นนั้น เรืออาจพลิกคว่ำได้ นอกจากนั้นยังหาบริษัท ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านกู้ซากเรือได้ลำบาก ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาถึงสิ้นเดือน ก.ค. นี้ ถึงกู้ได้ และหลังจากนั้นก็จะลากเรือไปไว้กลางทะเลเช่นเดิมต่อไป ดดยรอกว่าจะมีใครมาซื้อเรือลำดังกล่าว ด้านนายพิสุทธิ์ อมรยุทธิ์ หัวหน้าสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 6 สาขาชลบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าบริษัท กำลังดำเนินการกู้ซากเรือลำดังกล่าว โดยในเบื้องต้นจะต้องดูดน้ำใต้ท้องเรือออกให้หมดเสียก่อน และหลังจากนั้นจะต้องตรวจสภาพใต้ท้องเรือว่าจุดไหนมีรอยรั่วบ้าง ก็จะต้องดำเนินการปะหรือซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อน โดยในขั้นตอนนี้จะต้องใช้ระยะเวลานานหลายวัน หลังจากนั้น จะต้องนำเรือทัคมาลากเรือลำดังกล่าวออกไป โดยจะต้องรอให้น้ำทะเลขึ้นสูงสุด เพื่อให้ท้องเรือพ้นจากโขดหินโสโครก ที่เรือลำดังนี้ขึ้นไปเกยอยู่ “ในความเป็นจริงแล้ว เรือลำนี้ไม่มีอันตรายแต่อย่างไร เนื่องจากแก๊ส LPG ในเรือหมดไปนานแล้ว เนื่องจากเรือลำนี้ เลิกใช้มานานแล้ว จึงไม่มีแก๊สหลงเหลืออยู่แต่อย่างไร แต่อย่างไรก็ตามประชาชนหรือผู้ที่ผ่านไปมาไปทราบลายละเอียดของเรือลำนี้ และเห็นเรือมาเกยชายหาด ก็หวั่นส่งผลกระทบ จึงต้องกู้ให้พ้นจากบริเวณดังกล่าวไป” 2010-07-21 |