เจ้าของบ้านตัดหญ้า เจองูกะปะ อสรพิษร้าย นอนกกไข่ 27 ฟอง วิ่งหนีกระเจิง
ตัดหญ้ารกริมรั้วบ้าน งูกะปะ อสรพิษร้าย นอนกกไข่ 27 ฟอง นิ่งสงบ ไม่สนใจใครจะรบกวน หน่วยกู้ภัยต้องจับพร้อมนำไข่ไปปล่อยในป่าห่างไกลบ้านเรือนประชาชน สถิติกัดแล้วตาย และทุพพลภาพมากที่สุด ในทางตรงกันข้ามก็มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากที่สุดด้วยการนำพิษมาทำยาแก้โรคโลหิตอุดตันในหัวใจ วันนี้ (6 กันยายน 2553) นายพิชิต เกลียกกุทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจาก นางสาวจันทนา แท่นนิล อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่75/9 หมู่ที่ 6 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ให้มาช่วยจับงูกะปะตัวขนาดใหญ่ ขณะนอนกกไข่อยู่ในดงหญ้าริมรั้วบ้านข้างบ่อน้ำ ไปปล่อยในที่ปลอดภัยด้วย เพราะเกรงว่าถ้าเผลอเดินไปตักน้ำที่บ่อ และใกล้บริเวณดังกล่าวอาจจะถูกงูกัดได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยได้รุดไปตรวจสอบยังบริเวณบ้านหลังดังกล่าว พบว่า เจ้าของบ้านและญาติ ๆ อยู่ในอาการหวาดกลัว เพราะรู้ว่าอสรพิษร้าย กะปะ เป็นงูที่กัดแล้วเสียชีวิต หรืออาจทุพพลภาพได้ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปหาวิธีจับเจ้างูกะปะ ถึงแม่ว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าไปใกล้ตัว ใช้ไม้เข้ารบกวนเจ้างูกะปะจ้องมองหน้าเฉย ไม่หนี ไม่ฉกกัด และเห็นว่าใต้ตัวงูที่ขดเป็นวงกลมมีไข่อยู่หลายฟอง จึงได้ใช้เชือกคล้องคอแล้วรัดนำออกมา พร้อมทั้งได้นำไข่จำนวน 27 ฟอง ฟักเป็นตัวไปแล้ว 2 ฟอง เหลือไข่สมบูรณ์อีก 25 ฟอง ออกไปปล่อยในป่าที่ห่างไกลบ้านเรือนประชาชนพร้อมไข่ด้วย งูกะปะ เป็นงูพิษร้ายแรง ประเภททำลายโลหิต รู้จักกันแพร่หลายที่สุด กัดคนบ่อยที่สุด พิษร้ายทำให้ถึงแก่ความตาย และเกิดทุพพลภาพมากที่สุด เป็นงูชนิดเดียวที่มีชื่อเรียกต่างกันมากที่สุด และเป็นงูที่มีคุณประโยชน์ต่อมนุษย์มากที่สุด โดยเวลานี้ได้นำเอาพิษมาใช้ทำยาแก้โรคเส้นโลหิตอุดตันในหัวใจ งูกะปะ เมื่อออกจากไข่ใหม่ ๆ จะมีขนาดประมาณนิ้วก้อย สีค่อนข้างดำจัด มีปลายหางขาวตัวลาย ๆ มองดูสีคล้ายนกคุ่ม ลักษณะ เป็นงูขนาดกลาง อย่างใหญ่ยาวเฉลี่ยประมาณ 70 ซ.ม. งูเปลี่ยนสีได้เล็กน้อย เพื่อให้สีตัวของมันกลืนเข้ากับธรรมชาติที่แวดล้อมมันอยู่ เช่นเดียวกับพวกจิ้งจก กิ้งก่า งูกะปะตัวผู้ ขนาดใหญ่มีสีน้ำตาลแกมแดงมากกว่าตัวเมีย งูตัวผู้ขนาดวัยรุ่น มีสีน้ำตาลแกมชมพูมากกว่างูตัวเมีย ตอนกลางวันนอนขดตัวนิ่งอยู่ตามใต้ซุ้มพุ่มไม้เตี้ย ๆ ชอบอยู่ป่าละเมาะ ป่าโปร่ง ที่มีพื้นดินเป็นทรายอ่อน เช่น ตามป่ากัน, ป่าไร่ซาก, สวนยาง เหมือนแร่, ป่าริมทะเล เขาสูงป่าดินไม่ชอบอยู่ ตอนค่ำพอพลบมืดชอบเลื้อยออกมาเล่นอาบทราย ตามที่เตียนกลางลานและทางเดิน เป็นงูประจำถิ่น ไม่ค่อยออกหากินไกล พอสว่างเลื้อยกลับเข้านอนที่เดิมหรือบริเวณใกล้เคียง ดู เจอคนไม่ค่อยหนี พร้อาที่จะฉกกัดได้อย่างรวดเร็วมาก มันเป็นนักสู้ที่เยี่ยมยอด แม้ว่าตัวเล็กกว่ากันตั้งหลายเท่า ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสู้ไม่ได้และจะต้องตายในที่สุด แต่มันพยายามสู้จนสุดฤทธิ์ อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล ภาพ / ข่าว 2010-09-06 |