ลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์ออกโรงโต้ข้อเท็จจริงกรณีถูกกล่าวหา เมื่อเวลา 08.00 น. ( 16 ก.ย.53) ที่ศาลาปฏิบัติธรรมสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา หมู่ 6 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชุโช ได้ลงมาที่ศาลาเพื่อแสดงธรรมในวันพระ ซึ่งมีประชาชนกว่า 100 คนเดินทางมาทำบุญในครั้งนี้ โดยการสดงธรรมใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยทางเจ้าหน้าที่ของสวนสันติธรรมกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพในครั้งนี้แต่อย่างไร
หลังจากนั้นในเวลา 10.30 น.นายธนเดช พ่วงพูล ตัวแทนของผู้ปฏิบัติธรรมในสวนสันติธรรม ได้ออกมาแถลงข่าว โดยในการแถลงข่าวในครั้งนี้ไม่ใช่เกิดจากเจตนารมณ์โดยตรงของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชุโช ในการแถลงข่าวในครั้งนี้จากปัจจุบันมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ได้กระทำการโดยมีเจตนาจะทำลายซื่อเสียงอันดีงามชองหลวงพ่อปราโมทย์และสวนสันติธรรม ทางสวนสันติธรรมจึงได้มอบหมายให้ตัวแทนดำเนินการแถลงข้อเท็จจริง โดยวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสวนสันติธรรมนั้นได้จัดตั้งขึ้นมาตามความประสงค์ของผู้มีจิตศรัทธาต่อหลวงพ่อปราโมทย์เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และศึกษาธรรมของผู้มีจิตศรัทธาและประสงค์ของผู้ที่จะเข้ามาศึกษาธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ โดยในช่วงแรกได้จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์ศึกษาปฏิบัติธรรมซึ่งไม่ใช่นิติบุคคล ในการดำเนินการจัดสร้างนั้นเริ่มต้นด้วยการซื้อที่ดิน ในช่วงของการซื้อที่ดิน คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งเป็นผู้บริจาคเงินบางส่วน ได้ร้องขอเป็นผู้ซื้อที่ดิน แต่ทางหลวงพ่อขอให้ใช้ชื่อของอุบาสิกาอรนุช สันตยากร เนื่องจากว่าไว้วางใจมากกว่า จึงทำให้มีชื่อของอุบาสิกาอรนุช เป็นเจ้าของที่ดินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2548 มิใช่การถ่ายโอนให้แก่อุบาสิกาอรนุชในภายหลังแต่อย่างไร ในการดำเนินการต่างๆเกี่ยวกับก่อสร้างและตลอดจนการดำเนินการของสวนสันติธรรมได้ทำการอย่างโปร่งใส มีบุคคลต่างๆที่มีชื่อเสียง ได้เข้ามารับรู้และทราบเรื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางสวนสันติธรรมนั้นไม่เคยมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก หรือไม่เคยมีมีเรื่องการยักย้ายทรัพย์สินตามที่เป็นข่าวแต่อย่างไร และในการบริหารเงินที่ได้รับบริจาคมาของสวนสันติธรรม อุบาสิกาอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นในช่วงแรกที่คุณฐิตินาถวางมือก่อนสร้างสวนสันติธรรมเสร็จ โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะคือ ระยะการก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของอุบาสิกาอรนุชร่วมกับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่ายเนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุล เป็นผู้ถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่ายและในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้วมีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามอุบาสิกาอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกันเพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม ระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถ วางมือเนื่องจากมีภาระส่วนตัว อุบาสิกาอรนุชจึงต้องรับภาระดูแลบัญชีตามลำพังในช่วงเดือนธันวาคม 2549 โดยปิดบัญชี สร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิมโดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของอุบาสิกาอรนุชตามลำพัง เนื่องจากคุณฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้นและต่อมาเมื่อเงินในบัญชีมากขึ้นสวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 ส.ค.2551 ในนามอุบาสิกาอรนุช คุณอภิชาต อัศวเรืองชัย และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือนอุบาสิกาอรนุชจะทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาตเป็นหลักฐานด้วยอย่างไรก็ตามตั้งแต่คุณอภิชาตลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 ม.ค.2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างไร ระยะปัจจุบันเมื่อ 18 ก.พ.2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐะวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้อุบาสิกาอรนุชทำหน้าที่เพียงการเบิกจ่ายเงินสดย่อยและสรุปยอดบัญชีรายเดือนส่งให้คุณสุพล ซึ่งได้จ้างนักบัญชีตรวจสอบบัญชีอีกชั้นหนึ่งด้วย เงินบริจาคของสวนสันติธรรมจะมาจาก 2 ทางคือส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีโดยตรงและจากญาติโยมที่เข้ามาฟังธรรมและได้บริจาคแด่สงฆ์ที่อยู่ในสวนสันติธรรมเพื่อบำรุงสวนสันติธรรม ซึ่งเงินในส่วนที่สองนี้จะมีอาสมัครคอยดูแลและตรวจนับมีการลงรายรับรายจ่ายไว้ครบถ้วนและทางสวนสันติธรรมจะมีการใช้เงินอย่างมีระบบเอกสารการเบิกจ่ายครบถ้วนตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น อนึ่งการที่หลวงพ่อปราโมทย์ได้มอบหมายให้อุบาสิกาอรนุช รับมอบอำนาจดำเนินการควบคุมการเบิกจ่ายเงินของสวนสันติธรรมแทนหลวงพ่อปราโมทย์และดูแลบัญชีเป็นบางคราวนั้น เนื่องจากท่านหลวงพ่อปราโมทย์นั้นเป็นพระในสายธรรมยุตินิกาย ซึ่งจะไม่จับต้องหรือเก็บเงินทองหรือซื้อทรัพย์สินใดๆเองได้ทั้งสิ้น และในสวนสันติธรรมไม่มีอุบาสกอยุ่ประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องให้อุบาสิกาอรนุชดูแลแทนและที่ผ่านมาอุบาสิกาอรนุชก็ได้ร้องขอต่อหลวงพ่อปราโมทย์บ่อยครั้งที่จะให้หาคนมาทำงานแทนเพื่อท่านจะได้บำเพ็ญภาวนาได้อย่างเต็มที่ และนอกจากนี้เกี่ยวกับที่ดินของสวนสันติธรรมตามที่ตกเป็นข่าวนั้น ภายหลังจากที่จัดสร้างสวนสันติธรรมแล้วเสร็จ ในช่วงแรกมีผู้เห็นว่าการตั้งเป็นวัดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากและในตอนนั้นยังไม่เหมาะสมจึงยังไม่ดำเนินการและต่อมาในเดือนมกราคม2553 เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัวและพร้อมแล้วหลวงพ่อปราโมทย์ก็ได้ให้อุบาสิกาอรนุช ยื่นเรื่องขอยกที่ดินแปลงที่เป็นที่ตั้งสวนสันติธรรมให้มีการจัดตั้งเป็นวัดแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2553 โดยทำสัญญากับนายอำเภอศรีราชาและขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอนุญาติต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและมหาเถรสมาคมรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สวนสันติธรรมมีฐานะเป็นวัดต่อไป หลังจากการแถลงข่าวเสร็จนายธนเดช พ่วงพูล ตัวแทนของผู้ปฏิบัติธรรมในสวนสันติธรรมก็ได้ลุกเดินออกจากไปทันที ส่วนเจ้าหน้าที่ของสวนสันติธรรมได้กล่าวว่า ทางหลวงพ่อปราโมย์นั้นได้พักผ่อนอยู่ในกุฏิหลังจากที่ได้แสดงธรรมในวันพระแก่ลูกศิษย์ที่ได้เดินทางมาร่วมทำบุญ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่ารูปภาพของหลวงพ่อปราโมทย์ภายในศาลาปฏิบัติธรรมไม่ติดไว้ให้เห็นเหมือนแต่ก่อน ซึ่งในการแถลงข่าวในครั้งนี้ ได้มีนายเสียน โสดขุนทดผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี นายบุญเชิด สรแสง ปลัดอำเภอศรีราชา และพ.ต.ท.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี สวป.สภ.หนองขาม เข้าร่วมรับฟังในครั้งนี้ |