พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2553
วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2553 ณ วัดเขาบางทราย ตำบลบางทราย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ศาสนาพุทธ นับเป็นสถาบันหลักสถาบันหนึ่งที่เป็นสิ่งค้ำจุนสังคมไทยให้มีความเข้มแข็ง ทำให้คนในสังคมมีหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจประพฤติปฏิบัติและอยู่ร่วมเย็น แม้แต่องค์พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก ทำให้ศาสนาได้รับการอุปถัมภ์และทะนุบำรุงมาโดยตลอด สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสถาบัน ศาสนา ที่อยู่คู่สังคมไทยมาโดยตลอด และเพื่อเป็นเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์พระมหากษัตรย์อันเป็นที่รักของพสกนิกรชาวไทยทั่งปวง จึงได้จัดโครงการ ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดเขาบางทราย ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไปได้มีโอกาสร่วมบำเพ็ญกุศลร่วมกัน ทำให้เกิดความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนทะนุบำรุงและสืบต่อพระศาสนาให้ยืนยาวและ มั่นคงคู่กับสังคมไทย เพื่อให้ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับความสุขทางใจในการทำบุญร่วมกัน และเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลครบครอบ 60 ปี แห่งการบรมราชาภิเษกในวันที่ 5 พฤษภาคม 2553 ตลอดจนเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม 2553 สำหรับโครงการ ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพ่อค้าประชาชน ในจังหวัดชลบุรี ได้ให้ความสนใจ และร่วมถวายพระกฐินในครั้งนี้ เป็นเงินจำนวน 2,606,111.18 บาท ในการนี้ทางวัดเข้าบางทรายจะนำเงินที่ได้จากการทอดกฐินในครั้งนี้ นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป นอกจากนี้ ได้จัดทำพิธีแบบโบราณก็คือจุลกฐิน หรือ กฐินแล่น ซึ่งหมายถึง กฐินที่ต้องอาศัยความร่วมมือของคนหมู่มาก ต้องเร่งรีบทำให้เสร็จ เลยเรียกว่า กฐินแล่น (ความหมายคือเร่งรีบ ฟ้าว ต้องแล่น (วิ่ง) จึงจะเสร็จทันกาล) เจ้าภาพผู้ที่จะคิดทำจุลกฐินเพื่อทอดถวาย ณ วัดใดวัดหนึ่งจะต้องมีบารมี มีพวกพ้องคอยช่วยเหลือ เพราะต้องเริ่มจากการนำฝ้ายที่แก่ใช้ได้แล้วแต่ยังอยู่ในฝัก มีปริมาณมากพอที่จะทำเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้แล้ว ทำพิธีสมมติว่าฝ้ายจำนวนนั้นได้มีการหว่านแตกงอก ออกต้น เติบโต ผลิดอก ออกฝักแก่สุก แล้วเก็บมาอิ้วเอาเมล็ดออก ดีดเป็นผง ทำเป็นเส้นด้าย เบียออกเป็นไจ กรอออกเป็นเข็ด แล้วฆ่าด้วยน้ำข้าว ตากให้แห้ง ใส่กงปั่นเส้นหลอด ใส่กระสวยเครือแล้วทอเป็นแผ่นผ้าตามขนาดที่ต้องการนำไปทอดเป็นผ้ากฐิน เมื่อพระสงฆ์รับผ้านั้นแล้ว มอบแก่พระภิกษุผู้เป็นองค์ครอง ซึ่งพระภิกษุองค์ครองจะจัดการต่อไปตามพระวินัย หลังจากนั้นผู้ทอดต้องช่วยทำต่อ คือ นำผ้านั้นมาขยำ ทุบ ซัก แล้วไปตากให้แห้ง นำมาตัดเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่ง แล้วเย็บย้อม ตากแห้ง พับ ทับรีดเสร็จเรียบร้อยนำไปถวายพระภิกษุองค์ครองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ท่านทำพินทุอธิษฐาน เสร็จการพินทุอธิษฐานแล้วจะมีการประชุมสงฆ์ แจ้งให้ทราบ พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดจะอนุโมทนาเป็นเสร็จพิธีจุลกฐิน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้ทอดกฐินไม่มีกำลังมาก พอจะตัดวิธีการในตอนต้นๆ ออกเสียก็ได้ โดยเริ่มตั้งแต่การนำเอาผ้าขาวผืนใหญ่มากะประมาณให้พอที่จะตัดเป็นจีวรผืนใด ผืนหนึ่งแล้วนำไปทอด เมื่อพระภิกษุสงฆ์ท่านนำไปดำเนินการตามพระวินัยแล้ว ก็ช่วยทำต่อจากท่าน คือ ซัก กะ ตัด เย็บ ย้อมให้เสร็จ แล้วนำกลับไปถวายพระภิกษุองค์ครองเพื่อพินทุ อธิษฐานต่อไปเหมือนวิธีทำที่กล่าวมาแล้วในการทำจุลกฐินเต็มรูปแบบ ปริญญา/ข่าว/ภาพ
|