กง.จัดสัมมนาระหว่างประเทศเพื่อการทำงานคนพิการแบบยั่งยืน |
|
กง.จัดสัมมนาระหว่างประเทศเพื่อการทำงานคนพิการแบบยั่งยืน
วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553 นายสุนันท์ โพธิ์ทอง รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาระหว่างประเทศว่าด้วยกิจการภาคสังคมเพื่อการมีงานทำอย่างยั่งยืนสำหรับคนพิการ ณ โรงแรมไดอาน่า การ์เด้น รีสอร์ท พัทยา ประเทศไทยสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจปีละ 44,140 ล้านบาท จาการปล่อยให้คนพิการในวัยทำงานที่มีศักยภาพไม่ได้รับการพัฒนา ไม่มีงานทำ และต้องพึ่งพาบุคคลในครอบครัว ในจำนวนนี้ไม่รวมถึง มูลค่าแห่งความสุข ที่คนพิการและครอบครัวนับล้านที่จมอยู่กับความหนักในครอบครัว หนักแก่สังคม ดังพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ความว่า งานช่วยเหลือผู้พิการมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่าผู้พิการมิได้เป็นผู้ที่อยากจะพิการ แต่อยากช่วยตนเอง ถ้าเราไม่สามารถช่วยเข่าให้สามารถที่จะปฏิบัติงานไรเพื่อมีชีวิตและมีเศรษฐกิจของครอบครัว จะทำให้เกิดสิ่งที่หนักในครอบครัว หนักแก่สังคม ฉะนั้น นโยบายที่จะทำก็คือ ช่วยเขาให้ช่วยตัวเองได้ เพื่อที่จะให้เขาสามารถเป็นประโยชน์ต่อสังคม นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยาได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือไม่ โดยจะเห็นได้จากความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมรวมถึงความเป็นที่ดีทั้งด้านสาธารณูปโภคการ ยิ่งสำหรับคนพิการแล้วเมืองพัทยานับว่าเป็นเมืองที่สะดวกมากไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว การเดินทาง การศึกษา หรือแม้แต่การประกอบอาชีพโดยเมืองพัทยาได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการในการกำหนดนโยบาย แผนงานโครงการต่างๆ เพื่อให้บริการแก่คนพิการในทุกมิติของการดำรงชีวิตประจำวัน ด้วยตระหนักดีว่าคนพิการเป็นสมาชิกหนึ่งของสังคม สำหรับการประชุมสัมมนาในครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องใหม่ที่เมืองพัทยาเองก็ให้ความสนใจและได้ส่งบุคลากรมาร่วมสัมมนาในครั้งนี้ด้วย เพื่อจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการทำงาน รวมถึงการกำหนดเป็นนโยบายของเมืองพัทยาต่อไป บาทหลวงภัทรพงศ์ ศรีวรกุล ประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ กล่าวว่า มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เป็นหน่วยงานหนึ่งของมูลนิธิคุณพ่อเรย์ ซึ่งบาทหลวงเรย์มอน เปรนนัน ได้จัดตั้งขึ้นด้วยหวังว่าจะเป็นหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ยากลำบากได้แก่กลุ่มคนพิการ เป็นที่น่ายินดียิ่งที่มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการในฐานะสมาชิกหนึ่งของ Workability Asia และ Workability International ได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาระหว่างประเทศว่าด้วยกิจการภาคสังคมเพื่อการมีงานทำอย่างยั่งยืนสำหรับคนพิการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่แนวคิด หลักการและตัวอย่างของการดำเนินกิจการภาคสังคมในระดับนานาชาติ รวมถึงเพื่อค้นหาแนวทางการส่งเสริมกิจการภาคสังคมเพื่อการมีงานทำอย่างยั่งยืนสำหรับคนพิการ อันจะเป็นโอกาสให้คนพิการได้แสดงศักยภาพที่ตนมีอยู่ ได้ตระหนักรู้ในคุณค่าของตนเอง รวมถึงการอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เสมอภาค และเท่าเทียม โดยกลุ่มเป้าหมายของการสัมมนา ได้แก่ บุคคลากรที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ และยังรวมถึงช่วยงานภาคธุรกิจ องค์การด้านคนพิการ นักวิชาการ สื่อมวลชน และผู้สนใจทั่วไป นายสุนันท์ โพธิ์ทอง รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า คนพิการไทย 1.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีเพียงร้อยละ 33 หรือประมาณ 320,000 คน ที่มีงานทำ จึงนับว่าประเทศเสียโอกาสทางเศรษฐกิจสูงมาก ยิ่งไปกว่านั้นคนพิการที่ไม่มีงานทำและครอบครัวที่ต้องดูแลคนพิการ ส่งผลกระทบต่อสภาวะความตึงเครียดในการดำรงชีวิต นำมาซึ่งปัญหาครอบครัว เช่น การหย่าร้าง การทะเลาะวิวาท การล่วงละเมิดทางเพศและทางร่างกาย เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการทำงาน และส่งผลกระทบต่อความสุขมวลรวมของสังคมเช่นกัน ดังนั้น การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามแนวพระราชดำรัสคือ ช่วยเขาให้ช่วยตัวเองได้ เพื่อจะให้เขาสามารถเป็นประโยชน์ต่อสังคม และ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งในการส่งเสริมด้านอาชีพและการมีงานทำของคนพิการนั้น คือต้องผนวกประเด็นเรื่องความพิการเข้ากับการพัฒนากระแสหลัก กล่าวคือ ส่งเสริมให้คนพิการได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และแสดงถึงศักยภาพ ซึ่งจะทำให้สังคมเกิดเจตคติเชิงสร้างสรรค์ต่อคนพิการ และให้การยอมรับคนพิการในฐานะที่เป็นทรัพยาการที่มีคุณค่าของสังคม และยังเป็นการเปิดโอกาสให้คนพิการได้แสดงศักยภาพ นำไปสู่การตระหนักรู้ในคุณค่าของตนเองและความภาคภูมิใจ นอกจากนี้กิจการภาคสังคม หือ Social Enterprise ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกโดยเป็นการประกอบการที่มีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาโอกาสทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เป็นองค์การที่มีการสร้างรายได้และนำรายได้เหล่านั้นกลับไปลงทุนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ยั่งยืน ดังนั้น Social Enterprise จังนับเป็นแนวทางที่ดีในการผนวกเข้ากับการส่งเสริม ด้านอาชีพและการมีงานทำของคนพิการต่อไป ปริญญา/ข่าว/ภาพ |