หญิงชราแดนปลาดิบเครียดป่วยเรื้อรัง  ตัดสินใจปลิดชีพด้วยการกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดมิเนียมสูง 12 ชั้น บริเวณชั้นล่างด้านข้างตึก พบร่างนางโนโบโกะ วาชิดะ อายุ 65 ปี สัญชาติญี่ปุ่น นอนหงายเสียชีวิตอยู่ในสภาพ ท่อนบนเปลือย สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณบั้นเอว และขาซ้าย ใกล้กันกันพบเสื้อคอโปโลสีขาวตกอยู่ โดยมีนายโยชิกาสุ วาชิดะ อายุ 67 ปี สามีผู้ตาย นั่งร่ำไห้เสียใจอยู่ข้างศพ และโวยวายไม่ให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ นอกจากนี้ยังพบเสื้อคลุมสีชมพูซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของผู้ตาย ติดค้างอยู่คอมเพลสเซอร์แอร์ บริเวณชั้น 2 จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นตำรวจไปตรวจสอบที่ห้องพักของนายโยชิกาสุ เลขที่ 442/84 (802 บี) บนชั้น 8 ซึ่งเป็นจุดที่นางโนโบโกะ พลัดตกลงมา ไม่พบว่ามีร่องรอยการต่อสู้หรือหลักฐานที่น่าจะเกี่ยวโยงกับการฆาตกรรม

สอบปากคำนายอนงค์ หล่ำหล่อ อายุ 65 ปี คนสวนของคอนโดฯดังกล่าว ให้การว่า นายโยชิกาสุ กับนางโนโบโกะ สองสามีภรรยาชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ประเทศไทย และมาเช่าพักอาศัยอยู่ที่คอนโดฯมาประมาณ 1 ปีเศษแล้ว (ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.52) ก่อนหน้านี้เห็นทั้งคู่รักใคร่กันดีไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แต่ระยะหลังนางโนโบโกะ มีอาการป่วยกระเสาะกระแสะ จึงต้องเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง โดยก่อนเกิดเหตุขณะตนกำลังดูแลสวนอยู่ชั้นล่าง จู่ๆ ได้ยินเสียงคล้ายของหนักหล่นลงพื้นข้างคอนโดฯ เสียงดังสนั่น ตอนแรกคิดว่าเป็นคอมเพลสเซอร์แอร์ตกลงมา แต่พอเดินไปดูใกล้ๆ กลับพบร่างนางโนโบโกะ นอนหายใจรวยริน ระหว่างนั้นนายโยชิกาสุ สามีของผู้ตายเดินทางกลับจากนวดแผนโบราณพอดี จึงโทรศัพท์แจ้งให้หน่วยกู้ภัยฯ มาช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทันการณ์ ทำให้นางโนโบโกะ เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ภายหลังการสอบปากคำเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า นางโนโบโกะ น่าจะเกิดความเครียดจึงตัดสินใจปีนระเบียงห้องพักบนชั้น 8 แล้วกระโดดลงมาร่างกระแทกกับคอมเพลสเซอร์แอร์ ชั้น 2 แล้วร่วงลงพื้นดินจนทำให้เสียชีวิตดังกล่าว ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากความเครียดที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังรักษาไม่หาย แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ตายเป็นชาวต่างชาติ จึงต้องส่งศพไปผ่าชันสูตรอีกครั้งที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อหารายละเอียดการตายที่แน่ชัด และรายงานให้สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยให้ทราบเรื่องต่อไป ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน