สาวเจ้าของแผงพระเมืองพัทยาขับรถกระบะประสบอุบัติเหตุ ถูก “พลเมืองเลว” ทำทีเข้าไปช่วยก่อนฉกเงินสด 4 ล้านหายเข้ากลีบเมฆ

วันที่ 19 ธ.ค.53 พ.ต.ท.อิสรานุวัฒน์ จงอภิชัยกุล พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถพ่วงบรรทุกก๊าซ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดบนถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าพัทยา บริเวณหน้าวัดบางละมุง หมู่ 1 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ พัทยา รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า บีที 20 สีน้ำเงิน ทะเบียน ถษ-6004 กทม. จอดอยู่ในสภาพชนกับท้ายรถพ่วงบรรทุกก๊าซ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียนหน้า 77-9698 ทะเบียนตัวพ่วง 79-0547 กทม. จนหม้อน้ำยุบ ภายในที่นั่งคนขับมีผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อ น.ส.จิดาภา สำเร็จผล อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 10 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นอนสลบเหมือดอยู่ จนท.กู้ภัยฯ จึงรีบนำตัวส่ง รพ.กรุงเทพพัทยา ให้แพทย์ช่วยรักษา ส่วนคนขับรถพ่วงชื่อนายทิวา วงษ์ยูร อายุ 39 ปี ยืนรอตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงควบคุมตัวไปสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาแพทย์ได้ทำการรักษาจน น.ส.จิดาภา ฟื้นขึ้นมา พบว่าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณปาก และตามร่างกายบอบช้ำเนื่องจากแรงกระแทก โดยมีนายกำพล เปลี่ยนปลูกสัตย์ อายุ 38 ปี สามีเจ้าของแผงพระรายใหญ่ในเมืองพัทยา คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ จากนั้น น.ส.จิดาภา ได้ถามหากระเป๋าแบบคาดเอวสีน้ำตาลที่พกติดตัวอยู่ระหว่างประสบอุบัติเหตุ พร้อมกับระบุว่าในกระเป๋ามีเงินสดที่พกติดตัวมาจำนวนกว่า 4 ล้านบาท แต่เมื่อเจ้าตัวเปิดดูถึงกับตกใจหน้าซีด เพราะภายในพบกับความว่างเปล่า เหลือเพียงเอกสารสำคัญบางส่วนเท่านั้น

โดย น.ส.จิดาภา ให้การกับตำรวจว่า ตนกับสามีก็ประกอบอาชีพเปิดแผงพระอยู่ในตลาดนัดควายกลางเมือง ถ.เทพประสิทธิ์ ย่านชายหาดจอมเทียน เมืองพัทยา เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันตนได้ขับรถยนต์กระบะเดินทางจากบ้านพักใน อ.ศรีราชา เพื่อนำเงินสดกว่า 4 ล้านบาท มากระจายเป็นค่าดอกเบี้ยให้กับลูกแชร์รวม 12 คน ๆ ละประมาณ 1-5 แสนบาท ซึ่งลูกแชร์ส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจที่พักอาศัยอยู่ในตัวเมืองพัทยา โดยได้นัดหมายกับนางชุติกาญน์ ซายิค อายุ 42 ปี ที่บ้านเลขที่ 99/168 หมู่บ้านเอกมงคล 4 ซอยเขาตาโล หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ว่าจะนำเงินไปให้และไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน กระทั่งตนขับรถมาถึงหน้าวัดบางละมุง ซึ่งถนนช่วงบริเวณดังกล่าวกำลังปรับปรุง และได้นำแผงปูนมากั้นทำเป็นทางเบี่ยง ระหว่างนั้นได้มีรถบรรทุกพ่วงขับแซงปาดหน้าเข้าช่องทางเบี่ยงพอดี ทำให้ตนเบรคไม่ทันพุ่งชนท้ายจนได้รับบาดเจ็บ

น.ส.จิดาภา ให้การต่ออีกว่า หลังเกิดเหตุตนรู้สึกเบลอและปวดที่ศีรษะอย่างแรงเนื่องจากแรงกระแทก โดยก่อนที่ตนจะสลบไปจำได้ว่ามีชายไทย 1 คน แต่จำการแต่งกายไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าโลกมันมืดไปหมด ได้ทำทีเป็นพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้ พร้อมกับถอดกระเป๋าแบบคาดเอวสีน้ำตาล ภายในมีเงินสดกว่า 4 ล้านบาทที่เตรียมมาให้ลูกแชร์ ออกไปด้วย จากนั้นตนจึงสลบไปและไม่รู้เรื่องอีกเลย

นายกฤษณพงษ์ สร้อยสกุล อายุ 22 ปี เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ ประจำ รพ.กรุงเทพพัทยา เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุดังกล่าว ทางหน่วยกู้ภัยฯ จึงได้ส่ง จนท.กู้ชีพ พร้อมรถพยาบาล เดินทางไปช่วยเหลือทันที แต่เมื่อไปถึงพบชายไทย อายุประมาณ 30-40 ปี สวมเสื้อสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน อยู่ในที่เกิดเหตุและกำลังใช้โทรศัพท์ของ น.ส.จิดาภา ผู้บาดเจ็บ เพื่อโทรไปหานายกำพล สามีของคนเจ็บ เมื่อเห็นหน่วยกู้ภัยฯไปถึง ชายคนดังกล่าวจึงได้ขับรถยนต์กระบะอีซูซุ รุ่นดีแม็ก จำทะเบียนไม่ได้ ออกไปทันที

ขณะที่ นางชุติกาญน์ ซายิค หนึ่งในลูกแชร์ของ น.ส.จิดาภา กล่าวว่า ภายหลังได้มาเยี่ยมดูอาการและได้พูดคุยกับ น.ส.จิดาภา เชื่อว่าเงินสด 4 ล้านที่ถูกฉกไปน่าจะเป็นเรื่องจริง และตนได้พูดคุยกับลูกแชร์คนอื่นๆ แล้วตกลงกันว่า หากตำรวจหรือใครก็ตามที่สามารถแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายและได้เงินทั้งหมดกลับมาคืน พวกตนยินดีที่จะมอบรางวัลน้ำใจให้จำนวน 2 แสนบาท

ด้าน พ.ต.ท.อิสรานุวัฒน์ จงอภิชัยกุล เปิดเผยว่า ในส่วนของตนมีหน้าที่แค่ทำคดีอุบัติเหตุ ส่วนเรื่องเงิน 4 ล้านได้หายไปในระหว่างเกิดเหตุ เจ้าทุกข์ต้องเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.คุณวุฒิ เมธีพิตตินันท์ พนักงานสอบสวนคดีอาญา ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้นเชื่อว่าเงินได้หายไปจริง แต่จะหายไปอย่างไรคงต้องรอการสอบสวนอีกครั้ง และขณะนี้ได้เชิญหน่วยกู้ภัยฯ ที่ไปที่เกิดเหตุทั้งหมดมาสอบสวนแล้ว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จะได้ประสานชุดสืบสวนเพื่อลงพื้นที่หาข่าวติดตามจับกุมพลเมืองเลวรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน