จับแท็กซี่เรียกค่าไถ่โดยกักขังตัวไว้ที่ศรีราชา |
|
แก๊งค้ายาบ้าสำโรงเหนือจับแท็กซี่เรียกค่าไถ่โดยกักขังตัวไว้ที่ศรีราชาแล้วโทรศัพท์ขู่ให้ญาติโอนเงินมาไถ่ตัว
เมื่อเวลา 16.00น. ( 4 ม.ค.54 ) พ.ต.ท.สัมฤทธิ์ ขุนชิต รองผกก.ปป.สภ.ศรีราชาได้รับการประสานจากร.ต.ท.วสันต์ เจริญสาคร รองสว.สส.สภ.สำโรงเหนือ ว่ามีคนร้ายกลุ่มหนึ่งกักขังตัวนายทองคูณ รัตนเกษร อายุ 48ปี ซึ่งมีอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้างอยู่ในพื้นที่จ.สุมทรปราการ โดยตรวจสอบพบว่ามีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับนายสุทัด รัตนเกษร อายุ 40 ปีน้องชายผู้ที่ถูกจับตัวไว้เพื่อเรียกเงินค่าไถ่พบว่าที่อยู่ของคนร้ายที่ติดต่อไปนั้นอยู่ในพื้นที่ต.สุรศักดิ์อ.ศรีราชาและมีการกดเงินบางส่วนที่ญาติผู้เสียหายโอนมาเป็นเงินค่าไถ่ที่ตู้เอทีเอ็มพื้นที่บ้านนาพร้าว จึงได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศรีราชาเข้าสืบสวนหาข่าวจนพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเรียกค่าไถ่ได้พักอาศัยอยู่ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดศิรามาลีก่อสร้าง เลขที่ 4/2หมู่ 5 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชาจ.ชลบุรี จึงนำกำลังบุกเข้าจับกุมพบว่ามีนางสมลักษณ์ ศิรายยท์ อายุ 48 ปีเป็นเจ้าของบ้านและพบนางจุฑารัตน์ เหมจารี อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาว นายประกิจ สมานวงษ์ อายุ 33 ปี นายจิระ บุญสัย อายุ 25 ปี นายนิพนธ์ เจิมงามพริ้ง อายุ 28 ปี นางสุมนา ทองบางผึ่ง อายุ 25 ปี น.ส.อรอนงค์ ทรัพย์มรรค อายุ 18 ปี นายณัฐวัฒน์ บุญธรรม อายุ 23 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่สภ.สำโรงเหนือพบว่าเกือบทั้งหมดนั้นเป็นแก๊งค้ายาเสพติดในพื้นที่สำโรงหนือที่หลบหนีคดียาเสพติดมามา และเมื่อตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืนขนาด.38 ซุกซ่อนไว้ในพร้อมพร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวน 62 นัด และที่ฝั่งตรงข้ามบ้านผู้ก่อเหตุพบห้องแถวไม่มีเลขที่ในห้องแรกพบนายทองคูณ รัตนเกษร ผู้เสียหายกักขังอยู่และสภาพถูกซ้อมจนลำตัวเขียวช้ำมีบาดแผลตามใบหน้า หลีงจากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบสวนที่สภ.ศรีราชา โดยนายมองคูณผู้เสียหายได้ให้การว่าได้ถูกว่าจ้างเป็นเงิน3,000 บาทให้นั่งรถแท็กซี่มากับนายประกิจหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุ จากพื้นที่สำโรงเหนือเมื่อวันที่ 3 ม.ค.54 ช่วงกลางวันโดยได้จอดรถแท็กซี่ทิ้งไว้ที่พื้นที่สำโรงเหนือโดยบอกเพียงว่านั่งรถมาเป็นเพื่อนเพื่อเอาของที่ศรีราชาและมาถึงหน้าบ้านที่เกิดเหตุในช่วงบ่ายหลังจากที่ลงรถกลุ่มของผู้ต้องหาก็ได้นำอาวุธปืนมาขู่แล้วนำตัวไปกักขังไว้ในห้องเช่าหลังจากนั้นได้ให้โทรศัพท์ติดต่อกับน้องชายเพื่อเรียกเงินค่าไถ่ทั้งหมดจำนวน150,000 บาทถ้าไม่ยอมโอนให้ก็จะฆ่าให้ตายซึ่งน้องชายก็ได้ทยอยโอนเงินมาให้กลุ่มคนร้ายที่โทรไปขู่เมื่อวานจำนวน 2 ครั้งและในวันนี้อีกจำนวน 1 ครั้ง หลังจากนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมและช่วยเหลือตนเองออกมาได้ ซึ่งตนเองไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นการส่วนตัวแต่อย่างไรและไม่เคยเกี่ยวพันกันตนเองเป็นแค่คนขับแท็กซี่รับจ้างเท่านั้น ไม่เคยเกี่ยวพันกับยาเสพติดที่กลุ่มคนร้ายทำอยู่แต่อย่างไร ส่วนนายสุทัด รัตนเกษร น้องชายผู้เสียหายได้เล่าว่ากลุ่มคนร้ายทั้งชายและหญิงได้โทรไปหาตนเองเมื่อบ่าย 3 โมงของเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาบอกว่าพี่ชายค้างเงินอยู่150,000 บาทให้โอนเงินมาใช้หนี้ถ้าไม่โอนมาก็จะฆ่าให้ตายและตนเองก็ได้โอนเงินตอนช่วง17.00น.โดยโอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายจำนวน 30,000 บาท และคนร้ายโทรไปขู่ให้โอนมาอีกไม่เช่นนั้นจะฆ่าพี่ชายให้ตายจึงโอนมาตอน20.00 น.อีก 15,000 บาท และในวันนี้ช่วงกลางวันก็โอนมาอีก10,000 บาท ซึ่งที่โอนเงินให้คนร้ายก็เพราะกลัวว่าพี่ชายจะถูกกลุ่มคนร้ายฆ่าตาย หลังจากนั้นก็ได้เดินทางมาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สำโรงเหนือจนสามารถจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ได้ทั้งหมด ซึ่งปี นายณัฐวัฒน์ บุญธรรม อายุ 23 ปี รับเป็นเจ้าของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่พบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สำโรงเหนือยังไม่ปักใจในคำให้การของนายทองคูณผู้เสียหายว่าแก๊งค้ายาบ้าจะจับคนขับรถแท็กซี่รับจ้างมาเรียกค่าไถ่เพราะอะไรกันแน่เนื่องจากไม่มีทรัพย์สินแต่อย่างไรส่วนน้องชายผู้เสียหายเองก็มีเงินเก็บไม่มากนักซึ่งน่าจะเกี่ยวพันในการหักหลังในการค้ายาเสพติดแล้วจึงถูกนำตัวมากักขังไว้เพื่อเรียกเงินจากญาติ ซึ่งก็ตั้งข้อหาคนร้ายทั้งหมด 8 คน ว่าร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์หลังจากนั้นก็ควบคุมตัวแก๊งคนร้ายรายนี้แลผู้เสียหายทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสภ.สำโรงเหนือเพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อนำตัวดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
|