วธ. จัดประชุมสุดยอดธุรกิจบันเทิงเอเชีย ครั้งที่ 2

      สืบเนื่องจากประชุมสุดยอดธุรกิจบันเทิงเอเชีย ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 14-16 ตุลาคม 2552 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นที่ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงเศรษฐกิจและการค้า(METI) ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือทางอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ (Content Industry) ให้คนในวงการอุตสาหกรรมบันเทิง ประเทศสมาชิก ได้แก่ เกาหลี จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และประเทศญี่ปุ่น ได้มาพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการการณ์พัฒนางานอตุสาหกรรมบันเทิง เช่น ภาพยนตร์ ดนตรี รายการโทรทัศน์ เอนิเมชั่น เกมส์ ฯลฯ ซึ่งการประชุมครั้งนี้นยับเป็นความสำเร็จระดับเริ่มต้น ที่ได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงของแต่ละประเทศ

       ในการประชุมครั้งนั้น ประเทศญี่ปุ่นได้เชิญประเทศไทยเข้าร่วมประชุมด้วย และเห็นว่าประเทศไทยมีความโดดเด่นในด้านอุตสาหกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดจากวัฒนธรรม ที่มีการพัฒนาเนื่องหาโดยใช้เทคโนโลยีและความสามารถทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้เป็นจำนวนมาก และประเทศไทยนับว่าเป็นตลาดศุนย์กลางด้านความบันเทิงที่สำคัญของเอเซีย จึงได้เชิญประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดธุรกิจบันเทิงเอเซีย ครั้งที่ 2 ขึ้น โดยมอบหมายให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ได้เล็งเห็นว่าเป็นโอกาสสำคัญที่เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) ของไทย จะได้ประกาศศักยภาพ ความโดดเด่นในเวทีระดับเอเชีย และมีโอกาสในส่วนแบ่งการตลาดด้านอุตสาหกรรมบันเทิงในระดับเอเชีย และระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งการประชุมสุดยอดธุรกิจบันเทิงแห่งเอเชียครั้งที่ 2 นี้มีผู้แทนประเทศสมาชิก และสมาชิกใหม่ได้แก่ ฟิลิปปินส์ รวมทั้งสิ้น 8 ประเทศ และผู้แทนอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ในสาขาต่างๆ ของไทย เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก

        นางปริศนา พงศ์ทัดศิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ประกอบด้วย การนำเสนอโครงการและกิจกรรมของแต่ละประเทศในการดำเนินงานด้านธุรกิจบันเทิง การดำเนินงานและการส่งเสริมการผลิตและความเป็นไปได้ของการสำรวจตลาดทุน รูปแบบการกระจายโปรโมชั่นหลักและการขายสินค้า โปรแกรมเงินทุนอุดหนุนหรือข้อมูลที่สามารถใช้ได้กับต่างประเทศ นโยบายและขั้นตอนในการบังคับใช้กฏหมายลิขสิทธิ์ในแต่ละประเทศ และการจัดโต๊ะเจรจาธุรกิจด้านอุตสาหกรรมบันเทิงอีกด้วย  

     อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมคาดว่ากลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ของไทยจะได้รับประโยชน์โดยตรงแล้ว ยังเป็นการสร้างเครือข่าย สร้างพันธมิตรทางการค้า และโอกาสสร้างรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเกิดขึ้นหลังจากการประชุมครั้งนี้หลายร้อยล้านบาท ตอบรับการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวของเอเชีย ให้มีความเข้มแข็งในตลาดระดับโลก ที่ตั้งเป้าไว้ในปี 2558 ด้วย

ปริญญา/ข่าว/ภาพ