จับอิหร่านต้องสงสัยลักทรัพย์ในห้องพักนักธุรกิจเมืองผู้ดีมูลค่ากว่า 3 แสน หลังนำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปใช้ซื้อของในห้างดัง

          โดยนายเวย์นี่ ให้การว่า ตนเป็นนักธุรกิจเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าที่ประเทศบ้านเกิด และเพิ่งเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยาเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเข้าพักที่ห้องหมายเลข 305 เจพีเค อพาร์ทเม้นท์ ในซอยเนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันที่ 6 มี.ค. หลังจากตนกับแฟนสาวกลับจากไปเที่ยวหาเพื่อนมาถึงยังห้องพัก พบว่าประตูห้องไม่ได้ล็อค เมื่อเปิดเข้าไปปรากฏว่าตู้เซฟขนาดเล็กได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในมีทรัพย์สินประกอบด้วย เงินสดจำนวน 3,000 ปอนด์ กล้องวีดีโอดิจิตอลยี่ห้อแคนนอน 1 ตัว คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง บัตรเครดิตการ์ดของสถาบันการเงินต่างๆ จำนวน 8 ใบ เครื่องประดับ และเอกสารสำคัญจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าประมาณ 3 แสนบาท หลังเกิดเหตุจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับโทรศัพท์ไปอายัดบัตรเครดิตเพื่อที่คนร้ายจะได้นำไปกดใช้ไม่ได้

          แต่ต่อมาตนติดต่อไปยังบริษัท Paypal จึงทราบว่าบัตรเครดิตการ์ดของตนถูกคนนำไปรูดใช้เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันเกิดเหตุ (6 มี.ค.) ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช ภายหลังจึงไปขอภาพวงจรปิดไว้เป็นหลักฐาน กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ได้รับแจ้งจากพนักงานของร้านจำหน่ายเสื้อผ้ายี่ห้อลาคอส ว่าพบชายชาวตะวันออกกลาง ที่เคยนำบัตรเครดิตของตนไปรูดซื้อสินค้า ได้เดินทางนำเสื้อมาเปลี่ยนที่ร้าน จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวไว้ได้ดังกล่าว

          จากการสอบปากคำนายอาสฮาร์ ให้การอ้างว่า บัตรเครดิตที่ตนนำมารูดใช้ ก่อนหน้านี้มีหญิงสาวชาวไทยนำมาขายต่อให้ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในห้องพักนายเวย์นี่ แต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวหนุ่มชาวอิหร่านรายนี้ไปตรวจค้นที่ห้องพักเลขที่ 158/227 ชั้น 3 ตึกบี 1 นิรันดร์แกรนด์คอนโดมิเนียม พัทยากลาง พบหลักฐานเอกสารจำนวนหนึ่งจึงยึดไว้ตรวจสอบ แต่ไม่พบทรัพย์สินของผู้เสียหาย เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายอาสฮาร์ และคาดว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ มีชาวอิหร่านร่วมอยู่ในแก๊งหลายคน ซึ่งภายหลังจะได้คุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไปสอบสวนขยายผลต่อไป ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน